จากกรณีเกิดเหตุสลด นางสาวอนุสรา หรือ “ครูมัท” ครูสาววัย 39 ปี โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ใช้เชือกผูกคอตัวเองเสียชีวิตภายในบ้านพัก อ.ลำปลายมาศ โดยทิ้งจดหมายลาตายถึง 5 หน้ากระดาษ ซึ่งหน้าสุดท้ายแฉถึงปัญหาการทำงานที่ตึงเครียดจนนำไปสู่การตัดสินใจครั้งนี้ นั้น

ครูสาวปลิดชีพ! ทิ้งจดหมายลาตายแฉ เหนื่อยใจระบบบริหารโรงเรียน คนทำผิดโยนบาป

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษกศธ. เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แล้ว ซึ่งทราบว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นถึงระบบบริหารจัดการการทำงานภายในโรงเรียนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งแน่นอนที่สุด พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ มีความห่วงใยและขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมา ศธ. ก็ต้องยอมรับว่าภาระงานของครูก็มีอยู่ในหลายมิติที่มีจำนวนมาก ซึ่ง ศธ. เองก็จะพยายามลดภาระงานครูเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด แม้ ศธ. จะมีนโยบายเรื่องการลดภาระงานครู แต่ตลอดสองปีที่ผ่านมากลับยังคงมีอยู่ โดยที่เป็นปัญหาส่วนมากจะเกิดขึ้นกับโรงเรียนขนาดเล็ก เรื่องของอัตรากำลังที่มีไม่เพียงพอ ครูจะต้องทำหน้าที่เข้ามาบริหารงบประมาณ จึงทำให้เกิดความกังวล เมื่อเวลามีปัญหาในการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นเมื่อเร็วๆ นี้ สพฐ. จึงมีแนวทางแก้ปัญหาการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูไม่ถึง 10 คนที่ต้องบริหารจัดการงบอาหารกลางวัน จะมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินการแทน

นายสิริพงศ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะของบประมาณในการจ้างธุรการด้วย เพื่อให้ครูได้ทำหน้าที่สอนเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่ต้องมารับหน้าที่ทำงานในด้านที่ตัวเองไม่ถนัด ขณะเดียวกันผู้บริหารโรงเรียนจะต้องมาอบรมทำความเข้าใจในเรื่องของการบริหาร ไม่ว่าจะเป็นบริหารงานบุคคล บริหารงานวิชาการ บริหารงานด้านการเงิน เพราะเรื่องเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้ที่ผู้บริหารโรงเรียนจำเป็นจะต้องมีติดตัวทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดว่าผู้บริหารสถานศึกษาไม่มีความรู้เหล่านี้ก็จะเป็นที่ปรึกษาให้แก่ครูไม่ได้ ดังนั้น ศธ. จึงไม่อยากให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาอีก และหวังว่ากรณีของครูมัท จะเป็นกรณีสุดท้าย.