นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผวจ.พระนครศรีอยุธยา นายเดชาธร เชาว์เลขา ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางปวีณา ทองสกุลพันธ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมหัวหน้าหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 40 คน เข้าร่วมการประชุมและนำเสนอรายงานการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย ปี 2568 ผ่านสื่ออิเล็กทอรนิกส์ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานการประชุม ที่ห้องประชุมมหาธาตุ อาคาร 1 ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทั้งนี้การประชุมดังกล่าวได้เชิญ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั่วประเทศประชุม ในการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย ปี 2568 โดยทางรัฐบาลได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อรองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ โดยให้คำนึงถึงปริมาณน้ำในช่วงฤดูแล้งถัดไปด้วย และให้ดำเนินการตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด เช่น ให้ทุกภาคส่วนทบทวนปรับปรุงแผนเตรียมความพร้อมก่อนระหว่างและหลังเกิดเหตุ เตรียมแผนเผชิญเหตุ เตรียมอุปกรณ์เครื่องจักรเครื่องมือให้พร้อม เตรียมงบประมาณการช่วยเหลือ การฟื้นฟูและให้การช่วยเหลือหลังเกิดภัย การสร้างการรับรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซากให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมแผนป้องกันกรณีเกิดน้ำท่วมฉับพลัน หรือน้ำป่าไหลหลาก เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่เศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด โดยในฤดูฝน ปี 2568 สทนช. คาดการณ์ว่า แนวโน้มปริมาณฝนจะมีปริมาณฝนเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 1,630 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าปกติร้อยละ 9 และคาดว่าจะมีพายุพัดผ่านประเทศไทย 1–2 ลูก โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ จะมีฝนตกชุกต่อเนื่อง มีฝนฟ้าคะนองครอบคลุมร้อยละ 40–60 ของพื้นที่ และฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ยกเว้นภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกที่อาจมีฝนฟ้าคะนองมากถึงร้อยละ 60–80 ของพื้นที่ จนถึงประมาณปลายเดือนมิถุนายน

นายนิวัฒน์ กล่าวว่า ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้สั่งการในระดับอำเภอประชุมและติดตามความพร้อมของการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อำเภอของตนเอง ถอดบทเรียนที่ผ่านมาเรื่องการระบายน้ำของแต่ละพื้นที่ว่ามีผลกระทบอย่างไรกับชาวบ้าน ได้เน้นย้ำให้ โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของประตูระบายน้ำ เตรียมความพร้อมของบุคลากรเจ้าหน้าที่ การพยากรณ์อากาศ และการแจ้งเตือน ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ การเตรียมความพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักร ในการช่วยเหลือประชาชนรวมถึงประชาสัมพันธ์ข้อมูลการรายงานสถานการณ์น้ำต่อเนื่อง