สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่า คณะตุลาการปฏิเสธที่จะรับฟังคำอุทธรณ์ของ “สตรัคเจอร์ด แอสเซท เซลส์” ซึ่งยื่นฟ้องชีแรน ค่ายวอร์เนอร์ มิวสิก และสำนักพิมพ์โซนี มิวสิก พับลิชชิง ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า “เพลงทั้งสองเพลงมีความคล้ายคลึงกัน”
เกย์ได้ร่วมงานกับ “เอ็ด ทาวน์เซนด์” (Ed Townsend) นักร้องและนักแต่งเพลง ในเพลง “Let’s Get It On” ซึ่งติดอันดับ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ด ขณะที่เพลง “Thinking Out Loud” ของชีแรน ทะยานขึ้นอันดับ 2 บนชาร์ตบิลบอร์ด ฮอต 100 เมื่อปี 2558
“I am obviously very happy with the outcome of the case,” Ed Sheeran said in a statement that he read outside a Manhattan courthouse. A jury found the pop singer did not copy Marvin Gaye’s classic “Let’s Get It On” for his hit “Thinking Out Loud.” https://t.co/XoS7iRuHfw pic.twitter.com/PLVMnIT0oz
— The New York Times (@nytimes) May 4, 2023
สตรัคเจอร์ด แอสเซท เซลส์ ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงของเกย์ กล่าวหาชีแรนว่า เขาใช้องค์ประกอบซึ่งมีลิขสิทธิ์ของเพลง “ในทางที่ผิด” ซึ่งรวมถึงทำนอง เสียงประสาน และจังหวะ แต่เมื่อปี 2566 ผู้พิพากษาหลุยส์ สแตนตัน ซึ่งเป็นศาลระดับเขต ตัดสินว่า องค์ประกอบทางดนตรีนี้ “พบได้ทั่วไป” เกินกว่าที่จะได้รับการคุ้มครองด้านลิขสิทธิ์
ต่อมาศาลอุทธรณ์ของสหรัฐ ภาค 2 ในนครนิวยอร์ก มีคำพิพากษายืนยันคำตัดสินดังกล่าว และปฏิเสธข้อโต้แย้งของบริษัทที่ว่า ผู้พิพากษาสแตนตัน ควรพิจารณาองค์ประกอบอื่นของเพลง นอกเหนือจากแผ่นโน้ตเพลง ที่ถูกส่งให้สำนักงานลิขสิทธิ์แห่งชาติของสหรัฐ
ในคดีลิขสิทธิ์ที่มีการพิจารณาแยกกัน เมื่อปี 2566 ซึ่งทายาทของทาวน์เซนด์ยื่นฟ้อง คณะลูกขุนของศาลรัฐบาลกลางสหรัฐที่ย่านแมนฮัตตันของนครนิวยอร์ก มีคำพิพาหษาให้ชีแรนชนะคดี ขณะเดียวกัน สตรัคเจอร์ด แอสเซท เซลส์ ยังยื่นฟ้องชีแรนในอีกคดีหนึ่ง โดยอ้างสิทธิ์ในเพลง “Let’s Get It On” ซึ่งขณะนี้คดีได้ถูกระงับไว้.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES