เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 68 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาเล่าเรื่องราวสุดช็อก เมื่อตนมีประวัติแพ้อาหารทะเลอย่างรุนแรง (anaphylaxis) ต้องเข้าห้องฉุกเฉินด่วน หลังรับประทานเมนู “หมึกผัดน้ำดำ” จากร้านอาหารชื่อดัง แม้จะได้แจ้งพนักงานก่อนหน้าว่าแพ้กุ้งรุนแรงถึงชีวิต และหลีกเลี่ยงเมนูที่มีส่วนผสมของกุ้งแล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์นี้เกิดจากในเมนูดังกล่าว มีกะปิเป็นส่วนผสม ซึ่งทำมาจากกุ้ง โดยไม่มีการระบุหรือเตือนในเมนู พนักงานแจ้งเพียงภายหลังว่ามีกะปิ หลังลูกค้าเริ่มมีอาการแพ้รุนแรง โชคดีที่ญาติซึ่งเป็นแพทย์อยู่ด้วย และสามารถช่วยฉีดยา adrenaline ได้ทัน ก่อนส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน
อีกทั้งตนไม่ได้เอาผิดทางร้าน แต่ต้องการโพสต์เรื่องราวเป็นอุทาหรณ์สำคัญ ถึงผู้แพ้อาหารและผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเน้นว่า “อาการแพ้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ” และเรียกร้องให้มีมาตรการระบุส่วนผสมที่ชัดเจน โดยเฉพาะในกรณีที่อาจกระทบต่อชีวิตลูกค้า และถ้าหากแพ้อาหาร ควรพกยา “adrenaline” ฉุกเฉินติดตัวเสมอ และสอบถามส่วนผสมอย่างละเอียดก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง ร้านอาหารก็ควรมีการฝึกอบรมพนักงานและจัดการข้อมูลเมนูอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ร้ายแรงในอนาคต
โดยเจ้าของโพสต์ ระบุข้อความว่า “ถ้าครัวไทยอยากเป็นครัวโลก นี่คือ วาระแห่งชาติ ไม่ได้มาประจานนะครับ แต่อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนแพ้อาหารทะเล คือ แพ้นี่แพ้จริงๆ แพ้แบบถึงชีวิตเลยนะ โพสต์นี้ผมไม่ได้โกรธร้านแต่อย่างใดนะครับ แต่อยากให้คนที่แพ้พึงระวังไว้ เวลาทานอาหารนอกบ้าน มันทำให้เราหลอนไปเลยครับ เรื่องมีอยู่ว่าเดิมผมเป็นคนแพ้อาหารทะเลอยู่แล้ว แล้วผมเพิ่งแอดมิตออกจากโรงบาลมาด้วยเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ด้วยสภาพจิตใจที่ดีขึ้นแล้ว เหมือนได้ชีวิตใหม่ จากอาการ anaphylaxis คือแพ้รุนแรง แพ้แบบถึงแก่ชีวิต จนหมอต้องออกใบรับรองแพทย์ให้ พกยา adrenaline เอาไว้ฉีดยาเข้าหน้าขา ถ้าเกิดอาการขึ้นอีก”
อีกทั้ง “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ วันนี้ควรจะเป็นวันที่ดีด้วยซ้ำ คือ เรานัดญาติของเรามาทานอาหารที่ร้านนี้ แล้วบทสนทนาที่เกิดขึ้นก็คือ ผมกำลังสั่งอาหาร ในเมนูของร้านก็ดีนะครับ มีรูปอาหารทุกอย่างที่มีรูปกุ้งกำกับไว้ ก็ดูดี ตอนแรกผมกำชับกับร้านแล้ว ทุกคน ทั้งแฟนผมแล้วก็ญาติผมถามเขาเลยว่า มีเมนูไหนที่มีกุ้งบ้าง ผมกินไม่ได้นะ ผมแพ้รุนแรง แพ้แบบตายได้เลย น้องที่มารับออร์เดอร์ก็รับทราบดีว่าผมแพ้กุ้ง จนเราสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ มีกะพงสามรส, หมึกผัดน้ำดำ, เผือกทอด, ขนมครกปู และผัดถั่วแขก ผมให้ทายว่าจานไหนมีกุ้ง คำตอบคือจะรู้ไหม เพราะว่ากำชับไปแล้วว่ากินกุ้งไม่ได้นะ”
“สักพักพนักงานเดินมาบอกว่า ผัดถั่วแขกมีกุ้งนะคะ เราก็โอเคเพราะว่า ยังไม่ได้ตักเข้าปาก งั้นผมให้ทายต่อว่าจานไหนมีกุ้ง คุณลองทายดู คำตอบคือจะรู้ไหม ไม่มีใครรู้หรอกครับ เรารู้แค่อย่างเดียวว่า เรากำชับเขาได้ว่าเราแพ้แบบรุนแรง ผมตักเมนูหมึกน้ำดำเข้าปาก คำเดียวก็รู้สึกเลย ว่ามันมีกุ้ง และมันต้องเป็นกุ้งแน่ ผมหันไปถามพนักงานว่า น้องเมนูหมึกผัดน้ำดำเนี่ย มีกุ้งไหม เสียงผมเริ่มสั่นแล้วนะ เพราะว่าเริ่มมีอาการแพ้กำเริบ พนักงานบอกมีกะปิค่ะ เท่านั้นแหละทั้งโต๊ะผมอุทานพร้อมกันเลย หลังจากนั้นชุลมุนเลยครับ อาการแพ้ผมกำเริบหนักขึ้น โชคดีที่ญาติที่มาอยู่ด้วยเป็นหมอ ผมรีบวิ่งไปที่รถ เพื่อไปเอายาฉีด กับเข็ม เพื่อรีบมาปักเข้ากล้ามเนื้อ หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ดูจาก Apple Watch จาก 110 เป็น 120 เป็น 130 140 ลดสูงสุดที่ 153 ครั้งต่อนาที หัวใจเหมือนจะหลุดออกจากเบ้าเลย”
“รู้สึกเหมือนจะตายแล้ว ญาติผมที่เป็นหมอ ก็รีบหักยา แล้วก็เอาเข็มดูดตัวยาขึ้นมา ยาดูดไม่ขึ้น หมอเลยพยายามดูดยาอีกรอบ แต่ดูดได้แค่ 0.2 แต่ผมต้องใช้ 0.5 ก็เลยให้หมอปักยาเข้าที่หน้าขาก่อนรอบหนึ่ง ส่วนอีกรอบหนึ่งหมอก็ดูดให้อีกครั้งหนึ่ง 0.3 แล้วก็ปักยาเข้าที่หน้าขาผมอีกครั้ง คุณเชื่อไหมว่าพนักงานทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ผมเรียกพนักงานมาถามว่า เมนูร้านหมึกผัดน้ำดำใส่กะปิ ทำไมไม่มีรูปกุ้งอยู่ พี่ไม่รู้เหรอว่าผมแพ้แบบตายได้เลย พนักงานอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ถูก ตอนนั้นผมไม่ไหวแล้ว หัวใจเหมือนจะเต้น จะหลุดออกจากเบ้า ตัวสั่นหน่อยๆ มันตายแล้วอีกแหละ คือ ในใจไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแค่ว่า เซ็ง คือเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแท้ๆ กำชับกับคนอื่นไว้แล้วแท้ๆ ว่ากินกุ้งไม่ได้เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา ทำไมในครัวเขาชุ่ยแบบนี้”
นอกจากนี้ “ผมถามใครๆ ว่ากะปิทำมาจากอะไร ทุกคนก็รู้ทั้งนั้น ว่ามันทำมาจาก “กุ้ง” ขนาดถามพยาบาลที่โรงพยาบาลเขายังรู้เลย ว่ามันทำมาจาก “กุ้ง” มันน่าหงุดหงิดไหมครับ แทนที่ผมจะได้กินข้าวเสร็จ กลับบ้านไปนอนที่บ้าน แล้วรู้ว่ามันจบยังไง ผมโดนส่งเข้าห้องฉุกเฉินอีกแล้ว แล้วผมโดนฉีดยาแก้แพ้แบบรุนแรงอีกแล้ว แล้วแทนที่ผมจะได้เอ็นจอยกับโมเมนต์ของญาติที่มากับลูกค้าที่ผมนัดไว้พรุ่งนี้ เพื่อที่จะไปวางแผนการเงิน ทุกอย่างต้องจบลง เพราะความไม่รอบคอบของใครบางคนในร้าน อย่าคิดว่ามันเล่นๆ นะครับ มันมีผลกับชีวิตของคนอื่น ผมมาที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าทำถูกแล้วที่ส่งโรงพยาบาลทัน ทำถูกแล้วที่ได้ปักยาเข้าหน้าขา”
อย่างไรก็ตาม “ส่วนค่ารักษาพยาบาลผมไม่ห่วงครับ ผมมีประกันมากพอ ผมโพสต์นี้เพราะแค่อยากฝากอุทาหรณ์ไว้ ถ้าคุณแพ้อาหารอะไรก็ตาม นอกจากคุณกำชับกับร้านแล้ว คุณอย่านิ่งนอนใจ คุณควรมียาฉุกเฉินพกติดตัวไว้ตลอด และร้านก็ควรมีแนวทางการปฏิบัติ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างเช่นคนที่แพ้แบบนี้อีก คุณควรเตรียมยา adrenaline ไว้ และเมนูที่มีกะปิ เท่ากับ กุ้ง นะครับ คุณลองคิดดูนะ ถ้าผมไม่พกยานี้ไว้ที่รถ แล้วผมตายคาร้านขึ้นมา ที่เกิดจากความไม่รอบคอบของคุณมันจะเกิดอะไรขึ้น มันส่งผลเสียต่อร้านคุณมากนะครับ แล้วมันคงสร้างความแค้นใจให้กับครอบครัวของผมอย่างมาก แต่ผมไม่ได้เอาเรื่องอะไรหรอก แค่อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์เฉยๆ”
ขอบคุณข้อมูล : ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง