เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหว เขาให้ถ้อยคำต่ออนุกรรมการสอบสวนของสำนักงาน กกต. กรณีก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน มีเหตุสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 178 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 วรรคหนึ่ง หรือไม่ เนื่องจากในระหว่างเป็นรัฐมนตรียังมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ใน 4 บริษัท แม้ต่อมาจะมีการไปลาออกจากการถือหุ้นหลังถูกร้องเรียนก็ตาม รวมทั้งภรรยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะยังมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นโรงแรมดังจำนวนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยนายสนธิญาได้นำหลักฐาน อาทิ เอกสารการถือหุ้น เอกสารการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น รวมกว่า 820 หน้ายื่นประกอบการให้ถ้อยคำด้วย  

นายสนธิญา กล่าวหลังชี้แจงว่า ตนได้ให้ถ้อยคำตามประเด็นที่ร้องใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ทางอนุกรรมการฯ สอบทำงานค่อนข้างละเอียด ก็จะต้องมีการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน 820 หน้าที่ตนนำมายื่นประกอบด้วย ยืนยันว่าการยื่นร้องครั้งนี้ไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองใดกับนายพีระพันธ์ุ แต่ต้องตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อความถูกต้องชัดเจนเท่านั้นเอง

“ผมไม่ได้ร้องว่าท่านพีระพันธ์ุผิด แต่ร้องให้ กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพราะเอกสารหลักฐานที่นำมายื่นนั้นเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นเอกสารทางราชการ สามารถตรวจสอบได้ทั้งจากกระทรวงพาณิชย์ หรือบริษัทที่ถูกระบุ ซึ่งผมก็ยังแปลกใจอยู่ว่าประเด็นเหล่านี้นายพีระพันธ์ุน่าจะได้ตรวจสอบมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ไม่น่าจะต้องปล่อยสถานการณ์ล่วงเลยมาจนถึงขนาดนี้ และแม้เมื่อวานที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจนายพีระพันธ์ุ ซึ่งท่านก็เป็นคนดี แต่การที่บุคคลใดกระทำผิดเกี่ยวกับการถือหุ้น หรือจริยธรรมคุณธรรม ต่อให้มอบช่อดอกไม้กันอย่างไร ประเด็นเหล่านี้ก็ไม่ทำให้สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งได้เพราะนี่คือการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ”

นายสนธิญา ยังฝากถึงนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ขอให้ระมัดระวัง และรอบคอบในการแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยเฉพาะกรณีจะแต่งตั้งนายพีระพันธ์ุเข้าไปเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ขอให้พิจารณาอย่างถ่องแท้ เนื่องจากนายพีระพันธ์ุกำลังถูก ป.ป.ช.เรียกสอบในกรณีการแจกถุงยังชีพ รวมถึงกรณีที่ตนได้ร้องเรื่องการถือหุ้นของนายพีระพันธ์ุ ภรรยากับบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต่อ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน อัยการสูงสุด และมาให้ถ้อยคำต่อ กกต.ในวันนี้ เพราะถ้าแต่งตั้งไปแล้วคดีนี้ไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญและมีคำวินิจฉัยออกมาว่าขัดรัฐธรรมนูญก็จะมีความผิดถึงตัวนายกฯ ด้วยเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ

นายสนธิญา กล่าวอีกว่า ภายใน 60 วันถ้าหน่วยงานตรวจสอบทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินและอัยการสูงสุดไม่มีคำวินิจฉัยในเรื่องที่ตนได้ยื่นก็จะนำเรื่องไปยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย.