เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) แถลงข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ยุบสภาคืนอำนาจประชาชน โดยกล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. กรณีคลิปเสียงหลุดการคุยกันระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา และต่อมามีการประกาศถอนตัวร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย นำมาสู่เช้านี้ มีการแถลงข่าวลาออกของนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย จากตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 2 คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน กรณีคลิปเสียงหลุด ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายของ น.ส.แพทองธาร ในฐานะนายกฯ ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อการบริหารแผ่นดินของนายกฯ หมดสิ้นแล้ว

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ การจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทย มีการตระบัดสัตย์ผสมพันธุ์ข้ามขั้ว เราได้เตือนแล้วว่า การจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ให้ประเทศได้ 2 ปีที่ผ่านมา การบริหารประเทศของเพื่อไทย ไม่สามารถส่งมอบคำสัญญาต่าง ๆ และแก้ไขปัญหาใหญ่ให้กับประเทศ ไม่ว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปกองทัพ หรือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่ ณ วันนั้นประชาชนอาจมีความหวังอยู่บ้างว่า พรรคเพื่อไทยที่เคยเก่งเรื่องเศรษฐกิจจะแก้ได้ แต่ 2 ปีที่ผ่านมา เราเห็นแล้วว่าในภาพใหญ่ การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการบริหารราชการแผ่นดินมาโดยตลอด

“เหตุการณ์วานนี้ เป็นอีกหนึ่งเหตุวิกฤติของตัวผู้นำอย่าง น.ส.แพทองธาร ทำลายความน่าเชื่อของผู้นำประเทศหมดสิ้น บรรยากาศเมื่อวาน มีข้อเรียกร้องหลายอย่าง มาแถลงเพื่อเตือนสติสังคม หาทางออกให้กับประเทศ โดยข้อเรียกร้องเมื่อวาน แตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้อเรียกร้องที่ได้โพสต์ไป คือ 1.ข้อเรียกร้องให้นายกฯ ใช้อำนาจยุบสภา 2.คือข้อเรียกร้องที่อยากให้นายกฯ ลาออก 3.ที่อาจเลยเถิดไปค่อนข้างมาก คือเรียกร้องให้ใช้อำนาจนอกระบบ เช่น การรัฐประหาร” นายณัฐพงษ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า คิดว่าอารมณ์สังคมตอนนี้ สิ่งที่พวกเราเห็น เข้าใจดีต่อผู้นำประเทศ แต่สิ่งที่อยากยืนยันหลักให้แน่น ตั้งคำถามตัวเองว่า ต้องการอะไร คิดว่าต้องการรัฐบาลแก้ไขปัญหาให้ประเทศได้ ทางออกเดียวที่เราจะแก้ปัญหาให้ประเทศได้ คือรัฐบาลที่ชอบธรรม ต้องเป็นรัฐบาลที่มาตามระบบกลไกประชาธิปไตย อารมณ์ของสังคมที่เกิดขึ้น จัดตั้งม็อบ เรียกร้องหน้าทำเนียบ สิ่งหนึ่งที่อยากให้ช่วยสื่อสารว่า การรัฐประหารไม่ใช่ทางออก อย่าให้อารมณ์สังคมเลยเถิดไปถึงเรื่องนั้น

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพียงพอหรือไม่ อย่างไร ตามสมการการเมือง ตัวเลข สส. แต่ละพรรคเป็นอย่างไร จุดยืนพรรคประชาชน แม้จะมีสถานการณ์ล่าสุด ภายใต้รัฐสภาชุดนี้ เราจะไม่เป็นรัฐบาล รวมถึงเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ที่ได้ยื่นต่อ กกต. ในการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึงท่านอื่น ๆ การใช้ช่องทางอื่น ๆ หรือเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก ภายใต้หน้ากระดานการเมือง แคนดิเดตนายกฯ ตอนนี้ ไม่ใช่ทางออก ไม่ใช่รัฐบาลดีที่สุด สร้างทางออกให้ประเทศได้

“ด้วยบริบทสถานการณ์ทั้งหมด จุดยืนผม จุดยืนพรรคประชาชน เรียกร้องให้นายกฯ ใช้อำนาจในการยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เลือกนายกฯ คนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ ส่งข้อเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ที่ยังไม่ได้ถอนตัวร่วมรัฐบาล ถ้าคิดเห็นตรงกัน เช่นเดียวกับพวกเรา ว่าการใช้อำนาจนอกระบบไม่ใช่ทางออก เปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯ ไม่ใช่ทางออก ถ้าไม่ต้องการอยู่ในอำนาจต่อ เพื่อต่อรองตำแหน่งต่าง ๆ เล็งเห็นทางออกไทยสำคัญมากกว่า สร้างรัฐบาลที่ชอบธรรมมากกว่า เรียกร้องให้หลายพรรคที่ประชุมวันนี้ ประกาศถอนตัวร่วมรัฐบาลเช่นเดียวกัน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีการยุบสภา พรรคประชาชนพร้อมเลือกตั้งหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าสมมุติมีการประกาศยุบสภา เราพร้อมเลือกตั้งทันที โครงสร้างในพรรคพร้อมเต็มที่ นโยบายที่เราสะสมมา เตรียมงานมาหลายปี มีชุดกฎหมายอีกหลายชุด เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ถ้าเราได้รับความไว้วางใจ ภายใต้ประชุมสภาสมัยแรก เราพร้อมผลักดันกฎหมายทุกฉบับ

“อย่างที่นำเรียนไปว่า ประชาชนทุกกลุ่ม เรียกร้องวิธีการกลไกแบบไหนไล่นายกฯ ให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าต้องการอะไร เชื่อว่าทุกท่านอยากได้รับบาลแก้ไขปัญหาประเทศ รัฐบาลชอบธรรม สร้างฉันทามติใหม่ สร้างฝันใหม่ให้กับประชาชนได้ กลไกรัฐประหารไม่ใช่ทางออก ไม่ใช่กลไกประชาธิปไตย บริบทการเมือง เสียง สส. แคนดิเดตนายกฯ ถ้ากางออกมา อาจเห็นว่ามีหลายส่วนต้องตั้งคำถาม ทางออกคือยุบสภา เปิดโอกาสให้ทุกพรรคเสนอนโยบาย ให้ประชาชนไปใช้สิทธิใช้เสียง ตัดสินใจเลือกใหม่” หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าว

เมื่อถามว่า คิดว่ารัฐบาลจะเลือกทางออกแบบไหน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นไปได้หลายรูปแบบ ต้องรอการประชุมอีกหลายพรรคว่าเป็นอย่างไร แต่คาดการณ์ล่วงหน้า หรือตัดสินใจแทนไม่ได้ ขอส่งข้อเรียกร้องไปยังทุกพรรคการเมืองเช่นเดียวกัน ทวนคำถามที่ได้ตั้งคำถามไปว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการคือ รัฐบาลสร้างทางออกประเทศได้ บริหารประเทศตามที่หาเสียงไว้ ถ้าพรรคการเมืองเชื่อมั่นอำนาจสูงสุดของประชาชน ถ้าหากทางออกไม่ได้ ทางออกเดียวคือยุบสภา

ส่วนกรณีถ้ายุบสภา จะเข้าทางกัมพูชาหรือไม่ เพราะสภาไม่มี รัฐบาลไม่มี ปัญหาชายแดนยิ่งไปกันใหญ่ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ต้องบอกว่ากลไกตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน รัฐบาลรักษาการมีอำนาจบริหารแผ่นดินระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถตั้งงบผูกพันได้ ถึงแม้ยุบสภาแล้ว แต่รัฐบาลรักษาการ สามารถใช้กลไกในระบบราชการปัจจุบัน ในการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศได้อยู่ ไม่ใช่การยุบสภาทำให้เกิดสุญญากาศแต่อย่างใด แต่การเกิดสุญญากาศอยู่ที่ภาวะผู้นำของนายกฯ

เมื่อถามว่า จะมีการร้องเรื่องนี้ต่อองค์กรอิสระให้ตรวจสอบนายกฯ หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทราบว่า เดี๋ยวมีผู้ร้องเข้าไปร้องอยู่แล้ว แต่จุดยืนของตน และพรรคประชาชนเอง เรามีจุดยืนที่ไม่อยากใช้กลไกใด ๆ ที่ทางฝั่งตรงข้ามเคยใช้กระบวนการนิติสงคราม ทำลายล้าง ในส่วนนี้คิดว่าใครจะยื่นร้องอย่างไร ให้ยื่นไปตามกระบวนการที่เขามี ส่วนของพรรคประชาชนเรียกร้องอย่างเดียว คือเรียกร้องให้นายกฯ ใช้อำนาจอย่างเดียวยุบสภา

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากมีการยุบสภา จะซ้ำรอยปี 2557 ที่เลือกตั้งโมฆะ และมียึดอำนาจ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า บริบทต่างกัน จุดยืนพรรคประชาชนตอนนี้เราไม่มีทางคัดค้านเลือกตั้งแน่นอน เมื่อไรยุบสภา เราคงไม่ได้เห็นการแสดงออกของพรรคประชาชนว่าขัดขวางเลือกตั้ง กลับกันเราจะมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง รณรงค์แข็งขัน นำเสนอนโยบาย เดินหน้าตั้งรัฐบาลใหม่ ที่มีความชอบธรรมสูงมากกว่า

ส่วนกรณีหากยุบสภา จะทำให้ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2569 ล่มนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อาจมีผลอยู่บ้าง แต่ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ถ้าสภาไม่อาจผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปีนี้ ให้ใช้ร่างปีเก่าไปพลางก่อนได้ ในภาพรวมงบปี 2569 กับ 2568 แทบไม่ต่างกัน ไม่ได้บอกว่ายุบสภาไม่มีผลกระทบ ส่งผลแน่นอนกับ พ.ร.บ.งบประมาณฯ แต่ตอนนี้ ใช้งบปี 68 ไปพลางก่อน มุมกลับกัน ถ้าเดินหน้าให้มีรัฐบาลใหม่ ชอบธรรมสูง มีการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เราอาจกำลังพิจารณางบปี 69 ที่หน้าตาเปลี่ยนแปลงไปจากปี 68 อย่างมีนัยสำคัญ ตอบโจทย์ปัญหาประเทศได้มากกว่า ถึงแม้ล่าช้า แต่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำงบแก้ปัญหา เป็นโอกาสอีกด้านมากกว่าด้วย

เมื่อถามว่า นายกฯ แจงว่าการหารือฮุน เซน เป็นเทคนิคทางการทูต นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เข้าใจดีว่า การทูต มีการทูตในแบบกับนอกแบบ ไม่ได้เห็นค้านว่า เราต้องใช้ทุกช่องทางในการสร้างประโยชน์ หรือทางออกให้กับประเทศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าคลิปเสียงที่หลุด ที่เห็นว่านายกฯ ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว เช่น การบอกว่ารัฐบาลอยู่ตรงข้ามกับกองทัพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่ากำกับดูแลกองทัพ การสื่อสารแบบนี้ อาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นปัญหามากกว่า เช่น คุณทักษิณ สิ่งจำเป็นตอนนี้ คือใช้เวทีระหว่างประเทศ 2 ประเทศ เจรจาพูดคุยต่อกัน สิ่งที่เราอยากได้ยินมากที่สุดคือ นายกฯ โน้มน้าวให้ใช้เวทีทวิภาคี แต่กลับไม่ได้ยินการสื่อสารแบบนั้น

ส่วนกรณีกองทัพออกมามีบทบาทในช่วงเกิดวิกฤติประเทศ หรือชายแดนนั้น หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า หน้าที่ของกองทัพคือปกป้องประเทศ และการสื่อสารใด ๆ ที่เป็นการสื่อสารการเมือง หรือกระทบประเทศ ต้องเป็นหน้าที่รัฐบาลพลเรือน และกองทัพมีหน้าที่ทำตามคำสั่งรัฐบาลพลเรือน ถ้าส่งข้อเรียกร้องไปยังกองทัพ ไม่ได้คิดว่าในภาพรวมส่วนใหญ่ กองทัพจะเป็นแบบนี้ แต่อาจมีบางส่วนถ้ามีการสื่อสารออกมา ใช้กระแสในปัจจุบัน นำไปสู่บางอย่าง กระบวนการรัฐบาลใหม่ ก็ไม่อยากให้เกิดแบบนั้น ไม่อยากให้มีการสื่อสารจากตัวแทนกองทัพแบบนั้น

เมื่อถามว่า แนวโน้มหากนายกฯ ไม่ลาออก หรือไม่ยุบสภาจะทำอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องดูการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้ ในที่ประชุมออกมาเป็นอย่างไร หากพรรคเพื่อไทยคุมเสียงข้างมากได้อยู่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ศรัทธาประชาชนถอยลงเรื่อย ๆ และ พรรคประชาชนพร้อมใช้กลไกทุกอย่างในสภา เพื่อที่จะกดดันให้ทางนายกฯ ยุบสภาโดยเร็วที่สุด.