กรณี นางสาวอนุสรา หรือครูมัท ชวนรัมย์ อายุ 39 ปี ครูสอนโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขต อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ตัดสินใจใช้เชือกลูกเสือ ผูกคอตัวเองเสียชีวิตภายในบ้านพักที่บ้านสี่เหลี่ยมใหญ่ ต.หนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พร้อมเขียนจดหมายลาตายระบุถึงสาเหตุชัดเจนจากเรื่องการบริหารของโรงเรียนไม่มีระบบ ทำให้กระทรวงศึกษาธิการ ออกมาหาแนวทางการแก้ไข รวมถึงหน่วยงานของ ป.ป.ช. ที่เข้าไปตรวจสอบบัญชีของโรงเรียน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดจตุราษฎร์บำรุง ต.หนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ นายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ได้เป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ นางสาวอนุสรา หรือ ครูมัท โดยบรรยากาศภายในงานได้มีผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการจากหลายภาคส่วน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน เพื่อนครู และนักเรียนมาร่วมแสดงความอาลัย และส่งดวงวิญญาณเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของคนในครอบครัวที่ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ รวมทั้งเพื่อนครูทั้งในโรงเรียนเดียวกัน และต่างโรงเรียนที่มาร่วมส่งดวงวิญญาณครูมัท ต่างก็ร้องไห้ด้วยความอาลัย

นายโสภณ ซารัมย์ เปิดเผยว่า ในฐานะที่เคยเป็นครูมาก่อน มองเห็นชัดเจนว่าการแก้ไขปัญหาการศึกษาไทยต้องเริ่มที่ “ระบบ” และการปฏิรูปต้องใช้เครื่องมือทางกฎหมาย โดยพรรคภูมิใจไทยได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งเขาเชื่อว่าควรเป็น “กฎหมายของทุกพรรคการเมือง” เพื่อสร้างความร่วมมือและฉันทามติในการปฏิรูปการศึกษาไทยอย่างจริงจัง

นายโสภณ กล่าวต่อว่า กระบวนการจัดทำร่างกฎหมายใช้เวลาทั้งสิ้น 9 เดือน พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผ่านเว็บไซต์รัฐสภา มีผู้ร่วมแสดงความเห็นกว่า 10,000 คน และกว่า 80% สนับสนุนร่างดังกล่าว แต่สุดท้ายร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้กลับหายไปในรัฐบาล โดยไม่มีความคืบหน้า

ทั้งนี้ นายโสภณ ยังกล่าวถึงกรณี “ครูมัท” ที่เป็นกระแสบนโลกออนไลน์ว่า ครูได้ชี้ปัญหาอย่างถูกต้องว่า มันเป็นที่ระบบ ซึ่งสะท้อนความจริงว่าปัญหาอาหารกลางวันเป็นเพียงปลายยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ในยุคนี้ น่าเวทนาที่การศึกษาและระบบสาธารณสุขไทยต้องอยู่ด้วยผ้าป่า ต้องทอดผ้าป่าเพื่อจ้างคนมาทำอาหาร เพราะกระทรวงให้แค่ค่าอาหาร ไม่มีค่าจ้างคนประกอบอาหาร
นายโสภณ ยังระบุอีกว่า หลายโรงเรียนถูกตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จนเกิดปัญหาทางบัญชี ทั้งที่ครูและโรงเรียนพยายามทำดีที่สุดเพื่อเด็กนักเรียน ครูส่วนใหญ่มีจิตใจรักเด็กเหมือนลูกหลาน อาจมีบางส่วนไม่เหมาะสม แต่เป็นส่วนน้อย ปัญหาหลักอยู่ที่การที่รัฐบาลมองไม่เห็นและไม่เข้าใจระบบการศึกษาอย่างแท้จริง สิ่งที่เราต้องแก้ไม่ใช่แค่คน แต่ต้องแก้ทั้งระบบ และรัฐบาลต้องกล้าที่จะเห็นหัวการศึกษาอย่างจริงจัง.