เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. ร.ต.อ.ณัฐวัตร ละดาวัลย์ รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งเหตุลักรถจักรยานยนต์ พร้อมมีเหตุชุลมุนกันระหว่างเจ้าของรถกับคนขโมย บริเวณซอยอดุลยเดช 4 เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงนำกำลังตำรวจ สายตรวจ 191 และเจ้าหน้าที่กู้ภัยอุดรสว่างเมธาธรรม รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบ นายฌาคราช ศิลารัตน์ หรือนุ อายุ 55 ปี ชาวขอนแก่น นั่งอยู่บนพื้นถนนในสภาพศีรษะแตก เลือดไหลอาบหน้า เจ้าตัวยอมรับว่าได้ขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ฟีโน่ สีฟ้าขาว ที่ไม่ใช่ของตน โดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรถของเพื่อนสาวชื่อ “ไอซ์” ที่เคยให้ยืมรถมาก่อนหน้านี้ เพราะสามารถใช้กุญแจสตาร์ทติดได้ จึงขี่ออกไปหาซื้อสายชาร์จโทรศัพท์ แต่กลับถูกเจ้าของตัวจริงตามจับได้กลางทาง และเข้าทำร้ายจนบาดเจ็บ

เจ้าของรถคันดังกล่าวคือ นายประหยัด พันบท อายุ 54 ปี ชาวอุดรธานี เล่าว่า ตนจอดรถไว้หน้าปากซอยอดุลยเดช 2 แล้วเข้าไปทำธุระ ไม่นานกลับมาพบว่ารถหายไป ถามชาวบ้านทราบว่านายนุเป็นคนขี่ไป จึงรีบขี่รถตามหา ก่อนจะพบผู้ก่อเหตุในซอยอดุลยเดช 4 และด้วยความโมโห จึงเข้าทำร้ายร่างกายจนเลือดอาบ
หลังเกิดเหตุ นายฌาคราช ได้ยกมือไหว้ขอโทษนายประหยัด โดยยอมรับผิดทั้งหมด ส่วนนายประหยัดแม้จะโกรธ แต่เมื่อเห็นสภาพอีกฝ่ายก็น้ำตาซึม ยอมยกโทษให้ พร้อมใช้เสื้อของตนเช็ดเลือดที่ใบหน้าคู่กรณี ก่อนจะโอบกอดกัน และแจ้งตำรวจว่าไม่ขอดำเนินคดี เพราะ “สงสาร เห็นว่าไม่มีใครดูแล เมียก็ไล่ออกจากบ้านแล้ว”
ด้านตำรวจนำตัวนายฌาคราชส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อรักษาบาดแผล ก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านต่อไป โดยคดีนี้ไม่ได้มีการดำเนินคดี เนื่องจากเจ้าของรถไม่ติดใจเอาความ และเห็นว่าอีกฝ่ายได้รับบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตแล้ว