เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.68 ตำรวจ สน.บางซื่อ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ และ พ.ต.ท.ไชยวิชญ์ สุทำเลาหวิจิตร รองผกก.สส.สน.บางซื่อ ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายมานะ หรือคิว และ นายเชาวลิต หรือกิม 2 ผู้ต้องหาในคดี ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ และขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

สืบเนื่องจากวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เวลา 17.14 น. นายสมชาย ใจธรรม ได้แจ้งความกับฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ ว่ารถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ 110i สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน 3กฆ 5683 กทม. ที่จอดไว้ใน ซอยอินทามระ 1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ได้หายไปตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2568 จากนั้นฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ โดย พ.ต.ท.นิพนธ์ สิงห์ทอง สว.สส.สน.บางซื่อ ได้สืบสวนจากกล้องวงจรปิดอย่างต่อเนื่องจนพบว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 10.04 น. นายมานะ และ นายเชาวลิต ได้ร่วมกันก่อเหตุ ขโมยรถจักรยานยนต์ คันดังกล่าว โดยนายมานะ เป็นผู้ชี้เป้าและขับยันรถหลบหนีไป
ต่อมาเวลาประมาณ 11.32 น. ของวันเดียวกัน ทั้งสองได้นำรถที่ขโมยมาไปขายให้กับ นายรชต หรือเอก ที่ร้านรับต่อทะเบียนรถ ในซอยวิภาวดีรังสิต 3 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ในราคา 2,000 บาท ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถคันที่ใช้ก่อเหตุหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจค้นร้านของนายรชต ให้การรับสารภาพว่าได้รับซื้อรถจักรยานยนต์มาจากนายคิว นำไปขายต่อ เจ้าหน้าที่จึง ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ที่ถูกขโมยมาได้ 3 คัน และ จับกุมนายรชต ข้อหา “ลักทรัพย์หรือรับของโจร” พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110i, กุญแจ และป้ายทะเบียน

นอกจากนี้ การตรวจค้นภายในร้านยังพบ ยาเสพติด (ยาบ้า, ยาไอซ์) และ อาวุธปืน 3 กระบอก ซึ่งเป็นของนายรชต เจ้าหน้าที่จึง จับกุม น.ส.อติญา อายุ 54 ปี ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมของกลางยาบ้าและยาไอซ์จำนวนหนึ่ง และแจ้งข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองและเสพยาเสพติด” และ แจ้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนกับ นายรชตเพิ่มเติม
จากการขยายผล เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ ทราบว่า นายมานะ และ นายเชาวลิต จะมาในก่อเหตุในพื้นที่ สน.บางซื่อ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายได้สำเร็จ เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” ก่อนนำตัวพร้อมของกลางทั้งหมดส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป