“ปากบอกรักชาติ” คำนึงถึงการพิทักษ์อำนาจอธิปไตย เกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติและประชาชน แต่พฤติกรรมของพรรคร่วมรัฐบาลสวนทางกับสิ่งที่พูด
เมื่อ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ถูกปลิดชีพทางการเมืองทันทีในวันที่ 18 มิ.ย. จากปมคลิปเสียงความยาว 17 นาที ระหว่าง “ตัวเอง” กับ “ฮุนเซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่ลักษณะเป็นการสมยอมฝ่ายเขมร
แต่ พรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) “พรรคประชาธิปัตย์” (ปชป.) และ “พรรคชาติไทยพัฒนา” (ชทพ.) นัดประชุมด่วนทันทีเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. และผลสรุปกลับไม่ยอมถอนตัวออกจากรัฐบาลเพื่อช่วยหยุดความเสียหายของประเทศ จากระบอบ “ทักษิณ”
แต่กลายเป็นการซื้อเวลาต่อรอง “เก้าอี้รัฐมนตรี” หลังรับรู้ว่าด้วยคะแนนเสียงของรัฐบาลเหลือ 261 เสียง ด้วยการถอนตัวของ “พรรคภูมิใจไทย” ที่มาพร้อมเก้าอี้ที่ว่าง 8 รัฐมนตรี และ อีก 1 รองประธานสภาฯคนที่สอง
ด้าน “ชาติไทยพัฒนา” ก่อนประชุมพรรคถูกดักคอ “น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา” ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า พรรคชาติไทยพัฒนา มีศักดิ์ศรี รักบ้านเกิดเมืองนอน และ เชื่อว่า “วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรค จะไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเกิดเมืองนอน
แต่ถึงเวลาจริง พรรคได้มอบหมายหัวหน้าพรรคไปพบ “นายกฯ” ที่คาดว่า เพื่อต่อรองบางอย่างก่อนตัดสินใจ และอาจจะไม่ใช่เพื่อความมั่นคงของประเทศ แต่อาจเป็นเพราะอยู่เพื่อความมั่นคงตำแหน่งของตัวเอง หรือเก้าอี้ที่เพิ่มขึ้น และไม่ทราบบัดนี้ “น.ส.กัญจนา” ต้องหันไปกินยาทัมใจหรือไม่
“พรรคประชาธิปัตย์” ควรจะใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูความน่าเชื่อถือจากประชาชน แต่สุดท้ายอ้างเหตุผลมากมาย สรุปแล้วให้ “หัวหน้าพรรค” ไปพบ “นายกฯ” เพื่อปรึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดนกับกัมพูชา โดยไม่มีการต่อรองตำแหน่ง
ทั้งที่ก่อนหน้า “เดชอิศม์ ขาวทอง” รมช.สาธารณสุข และเลขาธิการพรรค ให้สัมภาษณ์สื่อที่ทำเนียบฯ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. เมื่อถูกถามว่า หลัง “พรรคภูมิใจไทย” ออกไปฝ่ายค้าน ถึงเวลานั้น “ประชาธิปัตย์” จะขอเพิ่มเก้าอี้หรือไม่ โดยระบุว่า “ก็ต้องดูตัวเลขก่อนว่าเหลือเท่าไหร่”
ต่างจาก “สรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา ประกาศแทงสวนว่า ไม่ยอมให้ถูกนับเพื่อรักษาอำนาจของ “นายกฯแพทองธาร” ที่หมดความชอบธรรมไปแล้ว ก็หวังว่าหลังจากนี้ “นายชวน หลีกภัย” “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” “บัญญัติ บรรทัดฐาน” จะออกมาแสดงจุดยืนเช่นเดียวกัน
ขณะที่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” หลังเพจพรรคได้โพสต์ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ขอยืนยันจุดยืน โครตหล่อ และเท่ แต่มติที่ออกมา ไม่ทันใจกองเชียร์ เพราะให้ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค ไปขอ “นายกฯ” ลาออก หากเป็นเช่นนั้นจริง ถือว่าเป็นมติที่สะท้อนจุดยืนของพรรคดีเอ็นเอ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ
ถ้า…ไม่มีเจตนาพิเศษแอบแฝง ว่าเพื่อหวังส้มหล่นในตำแหน่งสูงสุดของประเทศ ทั้งนี้หากประเมินกรณี “นายกฯ” ยอมลาออกตามที่ “รทสช.” เสนอ จะพบว่า “แคนดิเดตนายกฯ” ที่เหลือคือ “ชัยเกษม นิติสิริ” ซึ่งขณะนี้มีอาการ ป่วย และเคยเสนอแก้ไขมาตรา 112 ไม่น่าจะได้รับความไว้วางใจ
ส่วน “อนุทิน ชาญวีรกูล“ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ไปเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็มีจำนวนไม่ถึง 25 เสียง ไม่ผ่านเกณฑ์การเสนอชื่อ ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ก็เป็นองคมนตรีไปแล้ว
สุดท้ายคนที่จะได้เป็น “นายกฯ” ตามบัญชีที่เหลือคือ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” นั่นเอง หรืออย่างน้อยๆหากไปไม่ถึงฝัน ก็ขอความมั่นใจว่า “รัฐมนตรีพลังงาน” ต้องมั่นคงจนครบวาระ ท่ามกลางนายทุนเขย่าหนักทุกวัน เพราะไม่เช่นนั้นจะทิ้งไพ่ตายพา 18 เสียง “รทสช.” ถอนตัวจาก “รัฐบาล”ด้วยเสียงปริ่มน้ำเช่นนี้ “นายใหญ่” จึงต้องยอมถูกขี่คอ พร้อมโยนเก้าอี้รัฐมนตรีให้ หลังถูกพรรคร่วมรุมทึ้งเพื่อยื้อเก้าอี้ “นายกฯลูกสาว”