การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รอบนี้ ใช้ความระมัดระวังเรื่องผู้ขาดคุณสมบัติอย่างเข้มงวด เพราะไม่เช่นนั้น งานจะเข้า “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เอาง่ายๆ ว่า ขาดคุณสมบัติเนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ตั้งคนมีคดีความมาดำรงตำแหน่ง นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีชื่ออยู่ ยังไม่เสร็จ กำลังส่งให้หน่วยงานต่าง ๆ ตรวจสอบ

ความเคลื่อนไหวการปรับ ครม. “อิ๊งค์ 1/2” ล่าสุด พบว่าจะมีรัฐมนตรีที่ถูกปรับออกเพียงคนเดียวคือ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ โดยจะมี “ปลัดตุ๋ม” จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ว่าที่ รมว.พาณิชย์ ในสัดส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มาเสียบแทน “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะย้ายไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ พร้อมควบตำแหน่งรองนายกฯ ด้วย

มีกระแสข่าวว่า “รมต.ปุ๋ง” สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม จะถูกโยกไปเป็น รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ขณะที่ “รมต.น้ำ” จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะปรับไปนั่งเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม โดยมี “เพ้า” จักรพงษ์ แสงมณี อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลเศรษฐา จะกลับมานั่งเก้าอี้ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

ส่วนสถานการณ์ล่าสุด พบว่ามีความไม่ลงตัวในหลายตำแหน่ง อาทิ รมว.มหาดไทย ระหว่าง “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย มีชื่อนั่งเก้าอี้ “มท.1” กับ “พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ ที่มีชื่อติดโผ รมช.มหาดไทย เนื่องจากพลาดเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคเพื่อไทยต้องยอมยกให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พรรคประชาชาติ เพราะมีสถานการณ์พิเศษ พลิกขั้วการจับมือตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขณะนี้ยังไม่มีความลงตัวในตำแหน่ง มท.1
แต่ในช่วงเย็น แกนนำพรรคเพื่อไทยได้เจรจากับนายสุชาติ ว่า พรรคสนับสนุนนายภูมิธรรมเป็น รมว.มหาดไทย จึงให้นายสุชาติเลือกระหว่างการเป็นรองประธานสภา แทนนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ที่ลาออกไป หรือ รมช.มหาดไทย หรือจะไม่ดำรงตำแหน่งอะไรเลย คาดว่านายสุชาติจะเลือกตำแหน่ง รมช.มหาดไทย

นอกจากนี้ในส่วนของตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ ในสัดส่วนพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ ทสท. นำ 5 สส. ทสท.มาสนับสนุนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยจะดันนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ ลูกชายมาเป็น รมช.ศึกษาธิการ หลังจากปรากฏชื่อ “ผู้การป๊อบ” น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ที่ดึงกลุ่ม ทสท.เข้ามา ได้ส่งรายชื่อตรวจสอบคุณสมบัติทั้ง นายฉันทวิชญ์ และ น.อ.อนุดิษฐ์ จึงต้องมีการตัดสินใจชิงดำกันแบบนาทีต่อนาที โดยแนวโน้มนายฉันทวิชญ์ มีโอกาสสูงที่จะมาเป็น รมช.ศึกษาธิการ
ตำแหน่งที่ค่อนข้างลงตัวชัดเจน แล้ว อาทิ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม จะขยับขึ้นเป็น รมว.กลาโหม “เบนซ์” อรรถกร ศิริลัทธยากร มาเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า ยังคงเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้ง 2 คน เป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคกล้าธรรม

“บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่รัฐมนตรีใหม่ ต้องตรวจสอบคุณสมบัติค่อนข้างละเอียด จากเดิมไม่กี่วันก็เสร็จ แต่ครั้งนี้ 10 กว่าวัน เพราะต้องเพิ่มการตรวจสอบด้านต่างๆ ดังนั้นผู้ที่อยู่ในคุณสมบัติก็ถูกเรียกไปหมด เผื่อมีปัญหาจะได้ไม่ช้า สามารถหยิบคนที่มีศักยภาพขึ้นมาได้เลย เราไม่รู้ว่าการตีความเรื่องจริยธรรมจะเป็นอย่างไร อาทิตย์นี้น่าจะลงตัว
ส่วนกรณีพรรคภูมิใจไทย ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังเปิดสมัยประชุมสภา ในวันที่ 3 ก.ค. “บิ๊กอ้วน” กล่าวว่า เรื่องข้อมูลนั้น พรรคภูมิใจไทยคงรู้เรื่องที่เขาเองว่ามีอะไรดี แต่เรื่องของคนอื่นเขาจะรู้ได้อย่างไร มีเรื่องที่เขาต้องชี้แจงหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ในกระทรวงมหาดไทย เช่น ที่ดิน เขาควรจะไปเตรียมตัวแก้ปัญหาของตัวเองก่อนดีกว่า มั่นใจในเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าไม่มั่นใจจะตั้งรัฐบาลได้อย่างไร มีแต่สื่อที่กลัวแตกแถว

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีคุณสมบัติของรัฐมนตรีใหม่ว่า เรื่องถูกแจ้งความทำร้ายร่างกายแต่คู่กรณีถอนแจ้งความจะมีคุณสมบัติหรือไม่ มันเป็นปัญหา และเป็นดุลพินิจ เพราะกฎหมายจริงๆ ควรต้องมีคำพิพากษา รัฐธรรมนูญกำกวมโดยเฉพาะเรื่องจริยธรรม และซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ไม่มีมาตรวัด ฉะนั้น หากยังไม่มีคำพิพากษาก็อาจไม่เข้าข้อห้ามอะไรเลย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากกระบวนการทูลเกล้าฯ ยังไม่เสร็จก่อนวันที่ 1 ก.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจรับพิจารณาคดีนายกฯ หลัง สว. ยื่นให้ตรวจสอบปมคลิปเสียง และหากศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะเป็นสุญญากาศหรือไม่ หรือรักษาการนายกฯ ทำหน้าที่แทนได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า นี่เป็นเรื่องข้อกฎหมาย ที่ต้องนั่งวิเคราะห์ว่าทำได้หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยเกิด ตนยังไม่ได้มอง บางคนพูดว่าการเสนอชื่อรัฐมนตรีเป็นเรื่องเฉพาะตัวทำแทนกันไม่ได้
“สำหรับการพิจารณาเรื่องจริยธรรมของนายกฯ วันที่ 1 ก.ค. ศาลจะรับพิจารณาหรือไม่ สั่งพักปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ยังไม่ทราบ มีข้อสังเกตส่วนตัว 2 ข้อ 1 คือ พยานหลักฐานที่นำมาใช้ ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเกิดจากการแอบอัดคลิปเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือไม่ ซึ่งมองว่าผิด เพราะเจ้าตัวไม่ได้ยินยอม ซึ่งการที่เราจะเอาพยานหลักฐานประเภทนี้มาฟัง โดยเฉพาะศาลจะเอามาฟัง แถมยังไม่มีการแปลแบบเป็นทางการว่าเป็นอย่างไร ต้องคิดหนักว่าควรหรือไม่ควร และศาลจะรับฟังพยานหลักฐานประเภทนี้หรือไม่”
“แม้นายกฯ ยอมรับเป็นคลิปจริงก็ว่าไป แต่หมายความว่า หากจะยึดระบบศาล และกฎหมาย บอกว่าหลักฐานใดๆ ที่ได้มาโดยไม่ชอบศาลไม่รับก็มี ข้อ 2 มองว่า ถ้าไปดูเนื้อหาแล้ว อะไรที่มันเข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริตบ้าง ยังไม่มีที่เป็นรูปธรรม อะไรที่เข้าข่ายฝืนจริยธรรมก็ว่ายังไม่มี เพราะไม่เข้าข่ายมาตรฐานจริยธรรมที่วางไว้ ถามว่าทำให้ประเทศต้องสูญเสียอำนาจอธิปไตย ดินแดนหรือไม่ ได้ประโยชน์อะไรส่วนตัวหรือไม่ ทำให้ประเทศต้องเสียหายหรือไม่ ไม่มีอะไรเลย เพียงแต่สนทนากันเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดน ไม่ได้อ่อนข้อต่อกัมพูชา”

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณียื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 153 ของวุฒิสภา ว่า ได้ยื่นคำร้องไปแล้ว อยู่ที่ทาง ครม.จะดำเนินการให้เราเมื่อไร ระหว่างนี้ สว. จะใช้ กมธ.การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เรียกมาให้ข้อมูลด้วย เพราะทุกคนมีความเป็นห่วงชาติบ้านเมือง เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลปรากฏว่าสถานการณ์ในขณะนี้เป็นอย่างไร หาก ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ ต้องการข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติม ก็สามารถประสานมาได้ และเราจะจัดส่งข้อมูลตามที่เราคิดว่าเรายังขาดอะไรอยู่ ที่ยื่นไปคือร้องผิดจริยธรรม เราพร้อมอภิปรายตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.

นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการส่งตัวและรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ครบถ้วน โดยได้มีการขอข้อมูลไปยังแพทยสภา ทั้งในส่วนของมติ และข้อมูลต่างๆ เพื่อนำมาประกอบพิจารณาเพิ่มเติมด้วย หากพยานหลักฐานครบ ก็ดำเนินการได้
ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาข้อร้องเรียนอดีต สส.พรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน กระทำการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ได้เชิญมารับทราบข้อกล่าวหา แจ้งข้อกล่าวหาทุกคนแล้ว และอยู่ในขั้นตอนชี้แจงข้อกล่าวหา โดยช่วงนี้พิจารณาคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 44 ราย ว่าองค์คณะสอบจะเรียกพยานหลักฐานใดเพิ่มเติมหรือไม่