สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ ประเทศเฮติ เมื่อวันที่ 12 ก.ค.โดยอ้างมูลจากแหล่งข่าวในสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐ ( ดีอีเอ ) ว่าหนึ่งในพลเมืองเฮติ-อเมริกัน ซึ่งถูกจับกุมฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิส "เป็นผู้ให้ข้อมูลลับ" ของดีอีเอ และติดต่อมายังสำนักงาน "หลังเกิดเหตุ" ซึ่งดีอีเอแนะนำให้มอบตัว อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้น บุคคลดังกล่าวไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ให้กับหน่วยงาน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเฮติจกล่าวว่า ทหารรับจ้างชาวโคลอมเบีย 26 คน และพลเมืองชาวเฮติ-อเมริกัน 2 คน ร่วมกัน "ก่อเหตุอุกอาจ"ที่บ้านพักของผู้นำเฮติ เมื่อช่วงรุ่งสางของวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่จับกุมทหารรับจ้างชาวโคลอมเบียได้แล้ว 18 คน วิสามัญได้อย่างน้อย 3 ราย หมายความว่ามีอีก 5 คนยังคงหลบหนี 
ด้านพลเมืองเฮติ-อเมริกันที่ถูกจับกุมภายในเวลาไม่นานหลังเกิดเหตุ คือนายโจเซฟ วินเซนต์ วัย 55 ปี และนายเจมส์ โซแลงส์ วัย 35 ปี เบื้องต้นทั้งสองคนให้การต่อพนักงานสอบสวน ว่ามีหน้าที่ "เป็นเพียงล่ามเท่านั้น" และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า ผู้นำเฮติหมดลมหายใจไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีพลเมืองเฮติ-อเมริกันอีกคนหนึ่งซึ่งเพิ่งถูกจับกุม คือนายคริสเตียน เอ็มมานูเอล ซานอน วัย 62 ปี โดยเจ้าหน้าที่กล่าวหาซานอน "เป็นหนึ่งในผู้ร่วมวางแผน" แต่ยังปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ในอีกด้านหนึ่ง นางเจน ซากี โฆษกหญิงทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ติดตามสถานการณ์ในเฮติ "อย่างใกล้ชิด" และปฏิเสธรายงานหลายกระแสที่ออกมาแล้วว่า รัฐบาลวอชิงตันปฏิเสธคำร้องขอความช่วยเหลือทางทหารจากรัฐบาลรักษาการของเฮติ โดยซากีกล่าวว่า "หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาเรื่องนี้".

เครดิตภาพ : AP