สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองสือเจียจวง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ว่าหุ่นยนต์ลาดตระเวนนี้ติดตั้งเซ็นเซอร์อัจฉริยะ กล้องความละเอียดสูง และระบบไลดาร์ (lidar) ซึ่งเป็นระบบเซ็นเซอร์หลายจุด สามารถตรวจจับปัญหาได้อย่างแม่นยำ อาทิ รอยร้าวหรืออิฐที่หลุดหาย พร้อมรายงานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบทันที
นายหลิว เลี่ยง หัวหน้าทีมวิจัยจากสำนักสำรวจธรณีและทรัพยากรแร่แห่งมณฑลเหอเป่ย์ กล่าวว่า หุ่นยนต์สามารถทำหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบในพื้นที่เสี่ยงอันตราย และช่วยลดความเหน็ดเหนื่อยให้กับเจ้าหน้าที่ ทั้งยังช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและคุณภาพในการอนุรักษ์กำแพงเมืองจีน การใช้หุ่นยนต์นี้ เป็นหนึ่งในตัวอย่างของการที่จีนใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่ออนุรักษ์กำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีน ซึ่งเดิมทีสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการป้องกันทางทหาร คือเครือข่ายกำแพงหลายสายที่เชื่อมต่อกัน บางส่วนมีอายุยาวนานกว่า 2,000 ปี ปัจจุบัน มีระยะทางยาวรวมมากกว่า 21,000 กิโลเมตร ครอบคลุมภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยหุบเขาและภูเขาทางตอนเหนือของจีน
ในบรรดาภูมิภาคระดับมณฑลทั้งหมด 15 แห่งที่มีกำแพงเมืองจีน มณฑลเหอเป่ย์ถือว่า มีส่วนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดและมีเอกลักษณ์มากที่สุด ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นมุ่งมั่นพัฒนาแนวทางใหม่ ผ่านการใช้เทคโนโลยีเพื่อรับมือกับความท้าทายในการดูแลมรดกโลกแห่งนี้
เมื่อเทคโนโลยีอย่างโดรนและหุ่นยนต์เข้ามาช่วย “ตรวจสุขภาพ” ของกำแพงเมืองจีน ผู้เชี่ยวชาญจึงเริ่มใช้ “วิธีการรักษา” ที่สร้างสรรค์เพื่อดูแลมรดกทางวัฒนธรรมแห่งนี้ การประยุกต์ใช้หลักการอนุรักษ์ทางชีวภาพของทีมของหลิวจึงถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่น
การกัดเซาะจากฝนเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อความมั่นคงของกำแพงที่ทำจากดินอัด แต่หลังมีการศึกษามาอย่างยาวนาน ทีมผู้เชี่ยวชาญพบว่าบางจุดของกำแพงที่ดำเนินการศึกษาวิจัย มีความต้านทานน้ำได้ดีเป็นพิเศษ การค้นพบนี้กระตุ้นความสนใจของทีมวิจัย และเมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมจึงพบไซยาโนแบคทีเรียชนิดเส้นใย (filamentous cyanobacteria) หรือสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินชนิดหนึ่ง ซึ่งเติบโตบนผิวกำแพงดินอัด และเป็นผู้พิทักษ์ตัวจริงที่ช่วยต้านการกัดเซาะของฝน สิ่งมีชีวิตชนิดนี้สามารถสร้างเปลือกชีวภาพบนผิวกำแพง ทำหน้าที่เสมือน “ชุดเกราะธรรมชาติ” ให้กับกำแพงเมืองจีน
ปัจจุบัน ทีมวิจัยสามารถเพาะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ และนำวิธีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปใช้กับกำแพงดินอัด “การใช้สิ่งที่มาจากธรรมชาติของกำแพงเมืองจีน เพื่อปกป้องตัวมันเอง เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก” หลิวกล่าว
เทคโนโลยีต่าง ๆ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างโครงสร้างทางกายภาพของกำแพงแล้ว ยังเป็นสะพานเชื่อมผู้คนเข้ากับคุณค่าทางวัฒนธรรมของกำแพงเมืองจีน และช่วยกระตุ้นความตระหนักรู้ของสาธารณชนในด้านการอนุรักษ์ ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มออนไลน์แห่งหนึ่งใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (วีอาร์) และโมเดลดิจิทัล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถชมวิวพาโนรามาของกำแพงเมืองจีน และสิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องในมณฑลเหอเป่ย์ พร้อมทำความเข้าใจคุณค่าที่เหนือกาลเวลาของมันได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
นายต่ง เย่าฮุ่ย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยกำแพงเมืองจีน สังกัดมหาวิทยาลัยธรณีวิทยาเหอเป่ย์ เปิดเผยว่า ภาคการศึกษาก็มีความคืบหน้าเช่นกัน เช่น มีการพัฒนาหลักสูตรพิเศษสำหรับเด็ก โดยผสานการใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) อย่างดีปซีค เข้ากับความรู้เกี่ยวกับกำแพงเมืองจีน สถาบันหวังว่า หลักสูตรเหล่านี้จะช่วยจุดประกายความหลงใหลในกำแพงเมืองจีนให้กับคนรุ่นใหม่ และสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นในการอนุรักษ์ในอนาคต.
ข้อมูล-ภาพ : XINHUA