เมื่อวันที่ 18 พ.ย. พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 สั่งการให้ พ.ต.ท.สุนทร ไชยรักษา รอง ผกก.สส.สน.บางเขน พ.ต.ต.พรชัย ว่องประเสริฐการ สว.สส.ฯ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ร่วมกันทำการจับกุมนายศิโรฒน์ เกิดแก้ว อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ผู้เสียหาย พร้อมของกลาง อาวุธปืนปลอม(บีบีกัน) รถบิ๊กไบค์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีชมพู-ขาว หมายเลขทะเบียน 5กฐ140 กทม. หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ สีขาว และเสื้อผ้าที่สวมใส่ก่อเหตุ จับกุมตัวได้ภายให้ห้องเช่า ภายในซอยพหลโยธิน 52 แยก 23 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเวลา 03.22 น. วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์กระเป๋าสะพายนางสาวสิริมา แซ่ลิ่ว อายุ 36 ปี แม่ค้าปลาเผา ย่านเพิ่มสิน เขตสายไหม ขณะขับขี่รถจยย.กลับจากซื้อของที่ตลาดยิ่งเจริญ เหตุเกิดภายในซอยพหลโยธิน 50 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบผู้เสียหายยืนรออยู่ ส่วนคนร้ายหลังก่อเหตุขับขี่รถบิ๊กไบค์หลบหนีไป จากนั้นฝ่ายสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด “ตามโครงการกล้อง CCTV ระวังภัยในเมือง” ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่ดำเนินการติดตั้งในจุดสำคัญและพื้นที่เสี่ยง โดยใช้เวลาเพียง 2 วัน จนสามารถตามจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้

น.ส.สิริมา ผู้เสียหายเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้ขับรถบิ๊กไบค์ตามตนมาจากหน้าตลาดยิ่งเจริญ โดยไม่รู้ตัว จนมาถึงจุดเกิดเหตุคนร้ายก็ได้ขับรถปาดหน้าทำทีมาสอบถามเส้นทาง จากนั้นก็ได้ข่มขู่โดยใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ตนส่งกระเป๋าสะพายให้ภายในมีเงินสดจำนวนหนึ่ง ด้วยความกลัวจะได้รับอันตรายจึงให้กระเป๋ากับคนร้ายไป เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายได้ก็รู้สึกดีใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเร็วมาก เพียงไม่กี่วันก็สามารถจับกุมตัวได้แล้ว

จากการสอบสวนนายศิโรฒน์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นบุคคลตามภาพกล้องวงจรปิด และเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง ส่วนสาเหตุที่ชิงทรัพย์เนื่องจากต้องการเงินพาลูกชายไปหาหมอที่โรงพยาบาล สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนปลอม บีบีกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยถูกจับต้องโทษคดีชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด และเคยต้องโทษคดีเสพและครอบครองยาเสพติดด้วยพ้นโทษออกมา 2 ปี มาประกอบอาชีพก่อสร้าง แต่รายได้ไม่พอใช้จ่ายจึงลงมือก่อเหตุ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ โดยมีอาวุธในเวลากลางคืนหรือรับของโจร นำตัวผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.