เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 3 ก.ค. 68 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร  ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม  ซึ่งมีการพิจารณากระทู้ถามสดของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามถึง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เรื่องวิกฤติชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรี เคยบอกว่า มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากสถานการณ์ดีขึ้น ขณะนี้การควบคุมด่านชายแดนเพื่อกดดันทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อคนไทยในวงกว้างเช่นกัน ทราบว่า กัมพูชาถอนกำลังทหารไปแล้ว จึงอยากถาม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ว่า ขณะนี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีความตึงเครียดทางชายแดนจริงหรือไม่

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ชี้แจงว่า แม้กำลังทหารที่เผชิญหน้ากันจะถอนกำลังไปแล้ว แต่กำลังที่เหลืออยู่มีจำนวนมาก ทั้งอาวุธหนัก รถถัง ปืนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่ มีความเสี่ยงวันใดหากเกิดความไม่เข้าใจ อาจทำให้สถานการณ์บานปลาย ถึงขั้นใช้อาวุธหนัก เคยมีประสบการณ์ปี 2554 ที่เขาพระวิหาร ครั้งนั้นอาวุธทั้งสองฝ่ายมี ยังไม่ร้ายแรงเท่าครั้งนี้ รัฐบาลมีแนวทางคลี่คลายความตึงเครียดชายแดนดังนี้ 1.ตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) พยายามขับเคลื่อนไม่ให้ความเสียหายบานปลายออกไป เป็นเรื่องที่ ศบ.ทก.หนักใจมาก เพราะสังคมมี 2 กระแสคือ ประชาชนแนวชายแดนอยากให้สถานการณ์ยุติ ไม่ใช้ความรุนแรง ขณะที่ส่วนกลาง อยากให้รัฐบาลใช้ความเข้มแข็ง  ศบ.ทก.จึงต้องรอบคอบชั่งน้ำหนักให้ดี 2.ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อนบ้าน เป็นความตึงเครียดที่เกิดจากส่วนบุคคลต้องไม่ขยายไปถึงประชาชน 3.ต้องเข้มงวดชายแดน เพราะมีข้อมูลชัดเจน กัมพูชาสั่งเคลื่อนย้ายกำลังมาที่ชายแดน ขยับไปขยับมา ไทยจำเป็นต้องเสริมกำลังที่เหมาะสม เพื่อรักษาอธิปไตย 4.รัฐบาลร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) ตรวจสอบและควบคุมการเข้าออกตามแนวชายแดนอย่างเข้มข้น 5.ทุกมาตรการที่รัฐบาลใช้ให้แนวชายแดนกลับคืนสู่ความปกติโดยเร็วที่สุด ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณบวก ฝ่ายบริหารระดับสูงกัมพูชา เริ่มพูดคุยว่า ที่เชิญไปประชุมจีบีซีนั้น มีเงื่อนไขอย่างไร แต่ด้วยสถานการณ์ด้านโซเชียลทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ทำให้การพูดคุยในเงื่อนไขยังไม่เป็นที่ตกลง แต่มีสัญญาณบวก เขามาคุยก็ถือว่าบวกแล้ว

พล.อ.ณัฐพล  กล่าวว่า ส่วนมาตรการควบคุมชายแดน เราไม่ได้กดดันอะไรมาก ไม่ได้ปิดด่าน แค่จำกัดการเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะตามชายแดน และควบคุมเวลาเข้าออก แต่การโพสต์โซเชียลของผู้นำกัมพูชา ทำให้รู้สึกว่ามีการกดดัน สิ่งที่เรากดดันไม่ใช่ด้านเศรษฐกิจ แต่เป็นด้านกระบวนการอาชญากรรม ทำให้สถิติสแกมเมอร์ลดลง แต่รู้สึกเจ็บปวดที่ชาวบ้าน จ.สระแก้ว จันทบุรี ตราด มาต่อว่า ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ตึงเครียด เหตุใดจึงดึงมาเกี่ยวด้วย ต่อว่ารัฐบาลวางแผนในห้องแอร์ ฟังแล้วเจ็บปวดมาก ขอความเห็นใจ ยืนยันไม่ได้นั่งทำงานในห้องแอร์ รับฟังข้อมูลรอบด้าน ส่วนที่กองทัพประสานคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐประจำประเทศไทย เพื่อขอรับเครื่องกระสุนสนับสนุน แต่ถูกรัฐบาลปัดคำขอนั้น เนื่องจากรัฐบาลต้องยึดนโยบายสร้างสมดุลระหว่างประเทศมหาอำนาจ เราต้องระมัดระวังไม่นำประเทศไปผูกพันกับประเทศใด กองทัพไม่สามารถดำเนินการได้ตามลำพัง ต้องทำตามนโยบายรัฐบาลที่ให้รักษาความสมดุล ถ้าดึงประเทศใดเข้ามา จะกระทบต่อความสมดุลภูมิรัฐศาสตร์ได้

รมช.กลาโหม กล่าวว่า วันนี้ที่เรามาถึงจุดที่คนส่วนใหญ่เห็นว่า เรากำลังเสียเปรียบเพราะที่ผ่านมารัฐบาลเสียรู้ ประเด็นคลิปเสียงหลุด เราก็เห็นกันอยู่แล้วว่า เราเสียรู้เรื่องอะไร ส่วนกระบวนการเจรจาผ่านจีบีซีนั้น จะหารือ 2 เรื่องคือ การเคลื่อนย้ายกำลังกลับที่ตั้งปกติ เลี่ยงความเสี่ยงเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และการยกเลิกมาตรการควบคุมตามแนวชายแดน แต่รายละเอียดที่ไม่ลงตัวเพราะต่างฝ่ายยังระแวงจากโซเชียล.