เมื่อวันที่ 19 พ.ย. พ.ต.อ.ปิยรัช ศุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ 191 รับแจ้งเหตุมีคนร้ายใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ร้านทองอุดมพรรณ 5 ติดกับตลาดวันเดอร์ ถนนเพชรเกษม แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพฯ ได้สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ไป 1 เส้น ก่อนจะหลบหนีไป โดยพฤติการของคนร้ายเป็นชาย สวมเสื้อคลุมสีเขียวเข้มทับเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงยีนสามส่วนสีฟ้า ขี่รถ จยย.ฮอนด้า คลิก สีแดงคาดดำ หมายเลขทะเบียน 3 กถ 8620 กรุงเทพมหานคร มาจอดที่หน้าร้านก่อนจะเข้าไปในร้าน พร้อมซ่อนปืนพกไว้ด้านหลัง

ขณะนั้น นายวิศวชิต สถาพรเสริมสุข อายุ 25 ปี และ น.ส.นุชนารถ ศุภศิษฐ์โสภาคย์ อายุ 21 ปี พนักงาน ซึ่งอยู่ภายในร้านได้ถามคนร้ายว่ามาทำไม คนร้ายจึงยกปืนขู่ และตอบว่า “มาเอาทอง จะเอาไปให้เมียใส่” ทางนายวิศวชิต จึงถ่วงเวลาถามว่า “เอาเส้นไหน” ทางคนร้ายจึงตอบกลับว่า “แล้วแต่จะให้” ทางผู้เสียหายจึงหยิบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้นส่งให้ ก่อนที่คนร้ายจะยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณ จากนั้นคนร้ายได้เดินออกจากร้านพร้อมนำสร้อยสวมคอไม่มีท่าทีร้อนรนแต่อย่างใด และเดินข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเข้าชุมชนที่พักอาศัย โดยทิ้งรถจยย.ไว้ที่เกิดเหตุ

ต่อมาตำรวจ 191 สามารถจับกุม นายสหวัสส์ กุศลกิจเจริญ อายุ 33 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 472 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านของคนร้ายเอง จากการตรวจค้นพบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ราคา 28,800 บาท ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม และพบอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 มม. พร้อมกระสุนปืน 53 นัด กัญชา 2 ห่อ ก่อนจะคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.เพชรเกษม

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาอ้างว่า ก่อนหน้านี้เคยประกอบอาชีพเข็นรถขายไส้กรอกอีสาน ภายหลังเกิดโควิดระบาดครั้งล่าสุด ก็ทำให้ขายไม่ดี ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ 3 เดือน อีกทั้งภรรยาต้องเลี้ยงลูกอีก 3 คน จึงรู้สึกสงสารเกิดอารมณ์ชั่ววูบ เสพกัญชาก่อนใช้ปืนของพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วมาก่อเหตุ เพื่อจะนำทองไปขายและนำเงินมาใช้จ่าย ซึ่งขณะที่โดนจับภรรยาก็ยังไม่รู้แต่อย่างใด เบื้องต้นแจ้งข้อหา ชิงทรัพย์, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง, พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะก่อนคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป