เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเทศบาลนครยะลา ร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก โดย ผศ.ดร. ธนพล เพ็ญรัตน์ และคณะ ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำภายในเขตเทศบาลนครยะลา โดยการตรวจสารพันธุกรรมของ SAR-COV-2 เชื้อโควิด-19 ในน้ำเสียโดยวิธี qRT-PCR ซึ่งทางมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้วิจัยการเฝ้าระวังเชิงรุกและการเตือนภัย 3-14 วัน ล่วงหน้าจากการแพร่เชื้อ ในสถานที่สุ่มเสี่ยงและชุมชน ด้วยการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสในน้ำเสียโสโครกโดยวิธี Loop Mediated Isothermal Amplification (LAMP) Assays

ผศ.ดร.ธนพล กล่าวว่า เป็นการเฝ้าระวังเชิงรุกที่แจ้งเตือนล่วงหน้าได้ก่อนการระบาด ซึ่งสามารถที่จะลดความรุนแรงของการระบาด โดยการตรวจสารพันธุกรรมของ SAR-COV-2 ในน้ำเสียโดย qRT-PCR หากพบเชื้อก็จะสามารถแจ้งเตือนก่อนการแพร่ระบาดได้ 3-14 วัน ซึ่งวิธีการนี้ได้ดำเนินการแล้วในหลายประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทยเริ่มดำเนินการในภาคเหนือ เช่น พิษณุโลก เชียงใหม่ ตาก และนครสวรรค์ ส่วนในภาคใต้ เทศบาลนครยะลาได้ขอความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อที่จะให้ดำเนินการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสในน้ำเสียโสโครก จากรางระบายน้ำในเขตเทศบาลนครยะลา ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. เป็นต้นไป เพื่อเป็นข้อมูลให้สามารถทำการสืบสวนและแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า หากตรวจพบสารพันธุกรรมของ SARS-CoV-2 ในน้ำเสีย และสามารถพัฒนาเป็นแผนระดับองค์กรในการตอบโต้สถานการณ์การระบาดของโควิดในรอบต่อไป ซึ่งการนำวิธีการนี้มาใช้จะทำให้มีผู้ติดเชื้อจากการระบาดระลอกอื่นๆ ในอนาคตลดน้อยลง ลดความเสียหายต่อสุขภาพ เศรษฐกิจและสังคมได้

ด้านนายยู่สิน จินตภากร รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา กล่าวว่า เป็นโครงการที่ดีในการหาซากเชื้อที่เกิดจากโควิด-19 มาทำการวิเคราะห์ เพื่อที่จะหาผู้ป่วยในวงกว้าง ซึ่งเราสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อประมาณกี่คนในชุมชนนี้ หรือในบริเวณโดยรอบที่เราทำการตรวจน้ำเชื้อ ซึ่งจะนำไปสู่การตรวจ ATK หรือ PCR เพื่อที่จะประหยัดงบประมาณและสามารถพยากรณ์ได้ว่า ก่อนที่จะเกิดการระบาดของ โควิด-19 จะสามารถระบาดได้ประมาณกี่สัปดาห์ จำนวนคนกี่คนที่จะติดเชื้อ โดยการคาดการณ์สามารถทราบล่วงหน้าประมาณ 5-7 วัน ทางเทศบาลนครยะลาเป็นแห่งแรกในภาคใต้ที่ได้รับความร่วมมือจากอาจารย์ทางมหาวิทยาลัยนเรศวรโดย ผศ.ดร.ธนพล ที่เป็นเจ้าของโครงการโดยตรง และได้อนุเคราะห์มาตรวจหาเชื้อซากโควิดในบ่อบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ชุมชนซึ่งทางเทศบาลนครยะลาได้มีลงพื้นที่ตรวจ 40 จุด เพื่อที่จะได้รู้พื้นที่ที่ชัดเจน

สำหรับประโยชน์จากการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสในน้ำเสียโสโครกนั้น เพื่อเป็นการเฝ้าระวังการติดเชื้อโควิด-19 และสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนเกิดการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในระดับจังหวัดอำเภอ ตำบล เทศบาล ชุมชน กลุ่มอาคาร(คอนโด) อาคารโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่ง ร้านอาหาร สถานที่ราชการ คาดการณ์ (คำนวณอย่างคร่าวๆ) จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งที่แสดงและไม่แสดงอาการในระดับชุมชน ประเมินความจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการเข้มงวด เช่น มาตรการล็อกดาวน์ เป็นต้น
