เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่สำนักงานทนายความจิตอาสา ศนย์การค้าบางใหญ่ซิตี้ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี น.ส.เกตสุดา (สงวนนามสกุล) อายุ 40 พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา ให้ช่วยด้านคดีหลังถูกสาวทอม มาขอเช่ารถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ก่อนนำข้ามฝั่งไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ต้องติดตามรถเสียเงินค่าไถ่กลับคืนมาหมดไปหลายแสนบาท โดยเปิดเผยว่า เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ลงประกาศทางเฟซบุ๊กให้เช่ารถยนต์หารายได้พิเศษอีกทางช่วงโควิด ลงให้เช่า 2 เดือน ไม่มีลูกค้า กระทั่งเมื่อวันที่ 4 พ.ย. มีผู้หญิงลักษณะคล้ายทอม ติดต่อมาขอเช่าอ้างว่าจะขับไปดูที่ดินทางภาคเหนือ 4 วัน วันที่ 4-7 พ.ย. ซึ่งได้ขอถ่ายบัตรประชาชนไว้อย่างเดียว พร้อมกับเข้าไปตรวจดูโปรไฟล์ในเฟซบุ๊ก พบว่าทำงานเป็นนายหน้า และตัวแทนทำธุรกิจหลายอย่าง ประกอบกับรถตนติดตั้งระบบติดตาม GPS อย่างดีจึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหา ตรวจสอบตำแหน่งรถก็อยู่แถวจังหวัดภาคเหนือตามอ้าง

น.ส.เกตสุดา เผยอีกว่า กระทั่งครบกำหนดส่งรถคืน สาวทอม ได้ขอเช่าต่ออีก 3 วัน และจะกลับถึงกรุงเทพฯ วันที่ 10 พ.ย. ตนตรวจสัญญาณก็ตรงตามที่บอก จึงเชื่อถือประกอบกับมีเงินมัดจำไว้ 5,000 บาทอยู่แล้ว กระทั่งวันที่ 11 พ.ย. ตรวจดูตำแหน่งรถพบว่า ไปโผล่อยู่ชายแดน จ.ตาก ริมแม่น้ำแม่เมย ฝั่งประเทศเมียนมา จากนั้นสัญญาณขาดหายไป จึงรีบติดต่อสาวทอม ผู้เช่าแต่ก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สภ.ท่าสองยาง จ.ตาก พื้นที่ก่อเหตุเบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งอ้างว่าเป็นผู้กองไก่ รับสายและรับเรื่องไว้ และติดต่อกลับมาว่ารถข้ามไปฝั่งเมียนมาแล้วตามไม่ได้ จึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.ประชาชื่น เพราะเป็นพื้นที่ส่งมอบรถให้สาวทอมกันก็ไม่มีอะไรคืบหน้า กระทั่งตรวจสอบตำแหน่งอีกครั้งพบสัญญาณจึงเดินทางไปตรวจสอบพบรถตัวเองจอดอยู่ฝั่งเมียนมาโดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็นทหารเมียนมา ยืนล้อมรถอยู่บอกว่ากำลังจะเอาไปให้นายใช้ ก่อนเสนอขายให้ตนในราคา 400,000 บาท จึงซื้อไว้และนำรถกลับมา

น.ส.เกตสุดา เผยว่า ที่เจ็บใจคือรถถูกถอดเบาะไฟฟ้าคู่หน้าไปเปลี่ยนเป็นเบาะธรรมดา และเชื่อว่าเป็นขบวนการใหญ่มีการทำงานเป็นทีมแบ่งหน้าที่กันชัดเจน อีกทั้งสาวทอมคนก่อเหตุยังคงลอยนวลใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่ตนเจ้าของรถต้องกู้หนี้ยืมสินไปไถ่รถตัวเองกลับมา จึงนำเรื่องมาร้องทนายให้ช่วยเหลือในเรื่องคดีติดตามจับกุมสาวทอมดังกล่าวมาชดใช้ค่าเสียหายตามความผิดที่กระทำ และอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ ศูนย์ป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ (ศปจร.ตร.) และหน่วยเฉพาะกิจทหารตามแนวชายแดน ช่วยตรวจสอบกลุ่มขบวนการดังกล่าว และจับกุมตัวหรือตรวจสอบเส้นทางขบวนการลักลอบนำรถยนต์ส่งขายข้ามแดนด้วย ทำไมจึงนำรถยนต์ส่งข้ามชายแดนออกไปขายได้อย่างง่ายดาย

ทนายโป้ง กล่าวว่า เบื้องต้นแนะนำผู้เสียหายให้รวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ และข้อมูลของผู้มาขอเช่าทั้งหมดกลับไปแจ้งความในข้อหาฉ้อโกง ที่ สน.ประชาชืนใหม่ เพราะคราวที่แล้วตรวจสอบแล้วเชื่อว่าเป็นเพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งอาจเป็นการสื่อสารกันผิดพลาด แต่ก็อยากฝากถึงพนักงานสอบสวนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ดีก่อนเพราะอาจมีผลต่อคดีทำให้ผู้เสียหายทำอะไรไม่ได้ เรื่องนี้เป็นคดีความเพราะค่าเสียหายรถราคาเป็นล้าน ตำรวจควรให้ข้อมูลหรือความร่วมมือมากกว่านี้ ไม่ใช่ให้ผู้เสียหายดำเนินการเองทั้งหมด ซึ่งพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) นัดผู้เสียหายเอาหลักฐานไปแจ้งความ และตรวจสอบว่าเป็นขบวนการหรือไม่ จึงอยากฝากถึงผู้ที่ปล่อยรถเช่าว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี มิจฉาชีพเยอะพอสมควร จึงอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน อย่าคิดว่ามีเพียงแค่เอกสารแล้วจะไม่กล้าโกง อย่าคิดเพียงว่าจะเงินได้มาง่ายๆ สุดท้ายต้องมาเดือดร้อนเสียมากกว่าอย่างที่เห็น