นายปัญญา เลิศหงิม นายกสมาคมรถตู้โดยสารสาธารณะ กรุงเทพฯ ปริมณฑล เปิดเผยว่า ตนพร้อมสมาชิกสมาคมฯ ประมาณ 200-300 คัน เตรียมไปที่กระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นหนังสือถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เรื่องขอความช่วยเหลือเพื่อเยียวยา เนื่องจากสมาคมฯ ได้รับเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะ ที่ขึ้นตรงกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และเป็นผู้ประกอบการร่วมให้บริการสาธารณะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีประมาณ 2,000 กว่าคัน ขอแสดงความขอบคุณ นายศักดิ์สยาม ที่มีคำสั่งอนุมัติให้อนุมัติให้รถตู้หมวด 1 และ หมวด 4 เส้นทางกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถเปลี่ยนรถทดแทน โดยสมัครใจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นรถโดยสารขนาดเล็ก (มินิบัส) เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการเปลี่ยนรถทดแทนที่มีอายุครบ 10 ปี  

ซึ่งปัจจุบันรถตู้หมวด 1 ได้ทยอยเลี่ยนรถทดแทนรถคันเก่ามาต่อเนื่อง ซึ่งบางส่วนที่เปลี่ยนนรถตู้คันเก่าเป็นรถตู้คันใหม่แล้วมีปัญหาในการผ่อนชำระค่างวดรถเกิดขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการไม่สามารถแบกรับภาระที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระทบกับรายได้ และค่าครองชีพของผู้ประกอบการรถตู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงขอให้พิจารณาช่วยเหลือ 4 ข้อดังนี้ 1.ขอให้มีคำสั่งยืดอายุรถตู้สาธารณะจากปัจจุบันมีอายุการใช้งาน 10 ปี ให้เป็น 12-15 ปี จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง และเสียผลประโยชน์จากการประกอบอาชีพ รวมทั้งยังสามารถขอขยายระยะเวลาการผ่อนชำระกับสถาบันการเงิน หลังจากสูญเสียรายได้ ในสภาวะปัจจุบันถึง 2 ปี  

นายปัญญา กล่าวต่อว่า 2.ความล่าช้าในการเปลี่ยนป้ายรถทดแทน จากป้ายแดงเป็นป้ายประกอบการสีเหลือง ของรถหมวด 1 ผู้ประกอบการไม่เข้าใจในกระบวนการของการเปลี่ยนรถคันเดิมเป็นรถใหม่ป้ายแดงทดแทนคันเก่า จนบางคันครบ 2 ปีแล้ว ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นป้ายเหลืองได้ เกิดความสูญเสีย เพราะความล่าช้าจนโดนเรียกและโดนตำรวจจับปรับหลายคัน 3.การขอลดหย่อนค่าตอบแทนของ ขสมก. โดยไม่มีเงื่อนไขค่าตอบแทนที่ประกาศลดหย่อนให้ของ ขสมก. นั้น เหตุใดจึงต้องสร้างเงื่อนไขของผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 กับผู้ประกอบการด้วย ทั้งๆ ที่ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุสุดวิสัยเป็นภัย ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้ และเป็นผลกระทบต่อรายได้ปัจจุบันแบบปฏิเสธไม่ได้  

และ 4.ค่าเชื้อเพลิงในการใช้ประกอบอาชีพมีต้นทุนที่สูงขึ้น บวกกับสภาวะปัจจุบันการแบกรับรายจ่ายที่มากกว่ารายได้ในทุกทาง รถตู้โดยสารในปัจจุบันใช้เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนอยู่ 2 ประเภท คือ 1.รถรุ่นใหม่ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน 2.รถรุ่นเดิมที่ใช้ระบบก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี+น้ำมันเบนซิน เป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อน โดยเฉลี่ยค่าเชื้อเพลิงเป็นรายวัน ต้องจ่ายถึงวัน 600-800 บาท ขณะที่รายได้ในขณะนี้อยู่ที่ 300-400 บาทต่อคันต่อวัน จึงเป็นสภาวะที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงและแบกรับได้ยาก

อีกทั้งราคาค่าโดยสารที่ไม่สามารถเรียกเก็บเพิ่มได้ตามราคาของค่าเชื้อเพลิง จึงขอให้พิจารณาปรับปรุงราคาค่าโดยสารให้เหมาะสมกับราคาต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เช่น รถตู้เส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ปัจจุบันค่าโดยสารอยู่ที่ 35 บาทต่อคนต่อเที่ยว จะขอเพิ่มอีก 5 บาท รวมเป็น 40 บาทต่อคนต่อเที่ยว