เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง ถนนสีลม กลุ่ม “แนวร่วมต่อต้านการบังคับฉีดวัคซีน (The Resistance THA) นำโดย “หม่อมโจ้” ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร นัดหมายมวลชนแนวร่วมเดินขบวนเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านนโยบายภาครัฐในการบังคับประชาชนต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยทางกลุ่มได้ชูป้ายข้อความต่าง ๆ ที่สื่อถึงโทษของการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 พร้อมภาพผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนจนเสียชีวิตและทุพพลภาพ

ต่อมาทางมวลชนได้เคลื่อนขบวนมาปักหลักปราศรัยหน้าประตูสอง สวนลุมพินี มีการติดป้ายไวนิลขนาดใหญ่ที่ประตูสวนลุมข้อความว่า “ร่างกายเราคือสิทธิเสรีภาพของเราไม่ใช่บริษัทยา” ที่มีภาพชายถูกปืนจี้หัวขณะที่กำลังถูกฉีดยาประกอบ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สน.ลุมพินี ทั้งในและนอกเครื่องแบบดูแลความเรียบร้อย รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจร อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าในการชุมนุมครั้งนี้ ทั้งแกนนำและมวลชนที่เข้าร่วมหลายต่อหลายคนไม่สวมหน้ากากอนามัยระหว่างชุมนุม รวมทั้งมีการจับกลุ่มคุยกันพร้อมตั้งคำถามในวงสนทนาว่ามีการฉีดวัคซีนหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่หลายคนยอมรับว่าไม่ได้ฉีดวัคซีนตามที่รัฐบาลได้มีการจัดสรรไว้ให้

ม.ล.รุ่งคุณ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเป็นสิทธิในร่างกายเราที่จะยอมให้ใครนำอะไรเข้ามาใส่ตัวเราได้ ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าวัคซีนโควิด-19 มีผลข้างเคียง ถามว่าป้องกันได้จริงหรือไม่ เพราะเห็นฉีดที่ไหนก็ระบาดที่นั่น แต่อะไรคือแรงจูงใจให้คนที่มีส่วนรับผิดชอบต้องผลักดันทั้งมีการตั้งเป้าจำนวนผู้ฉีดแต่บอกไม่บังคับ บริษัทยาได้ประโยชน์หรือไม่

แกนนำต้านบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19 ระบุด้วยว่า คนที่สนับสนุนเรื่องนี้ทั้งที่เป็นหมอและ รมว.สาธารณสุข รู้อยู่ว่าวัคซีนโควิด-19 ยังถือเป็นยาทดลอง ถูกคิดค้นและผลิตมาใช้กับมนุษย์ในเวลาแค่ 6 เดือน ขณะที่วัคซีนโรคอื่น ๆ ใช้เวลาทดสอบนับ 10 ปี จึงถือเป็นการเอายาที่ไม่ผ่านทดสอบอย่างเป็นทางการมาใช้กับประชาชน เห็นได้ว่าหลายคนก่อนฉีดไม่มีโรคประจำตัว แต่ฉีดตายแพทย์กลับบอกเป็นโรคประจำตัว อะไรทำให้ทั้งนักการเมือง หมอ มาผลักดัน เขาได้อะไร อุตสาหกรรมยามีประวัติด้านอาชญากรรมมากที่สุด โดยเฉพาะบริษัทผลิตวัคซีนชื่อดังในขณะนี้ เรื่องทั้งหมดถ้าไม่จริงให้มาฟ้องร้องตนได้ ตนยืนยันจะไม่ฉีด แต่ตอนนี้คนไม่ฉีดถูกกล่าวหาเป็นภัยสังคม ระวังวันหนึ่งถ้าความจริงปรากฏจะโดนเช็กบิล และอย่ามาอ้างทำตามคำสั่ง หลังจากนี้จะเข้ายื่นหนังสือกับกระทรวงสาธารณสุข และผลักดันแนวความคิดนี้สู่สาธารณชนต่อไป

ต่อมา “หม่อมโจ้” นำมวลชนเดินไปที่หน้าสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ เพื่อยื่นหนังสือถึงเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลียยุติการละเมิดสิทธิประชาชนในการรับวัคซีนโควิด-19