เป็นอีกหนึ่งคดีดังที่ยังอยู่ในความสนใจของคนไทยทั้งประเทศ ที่ต่างจับตาอย่างต่อเนื่อง หลังอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวก หลังบุกรุกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี โดยพบอาวุธปืนและซากสัตว์ ที่หนึ่งในนั้นคือ “ซากเสือดำ” จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง พร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ “เสือดำ” ที่ถือเป็นสัตว์ป่าที่มีความเสี่ยงขั้น “อันตรายต่อการสูญพันธุ์” ของโลก!
หากย้อนไปยังจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ “4 ก.พ. 2561” เมื่อเจ้าหน้าที่ทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก ได้รับแจ้งว่าพบนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ตั้งแคมป์พักในบริเวณจุดห้าม จึงได้เข้าตรวจสอบ พบว่า นักท่องเที่ยวหนึ่งในกลุ่มนี้ คือ “นายเปรมชัย กรรณสูต” ประธานบริหารบริษัทอิตาเลี่ยนไทยฯ (ในเวลานั้น) โดยบริเวณเต็นท์ที่พัก พบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง จึงได้ทำการขยายพื้นที่ตรวจสอบพบอาวุธปืนลูกกรดติดลำกล้อง 1 กระบอก ปืนไรเฟิลติดลำกล้อง 1 กระบอก และ ปืนลูกซองแฝด 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกมาก ใกล้กับที่พบอาวุธปืนที่ซ่อนอยู่ นอกจากนี้ยังพบ “ซากเสือดำ” ถูกชำแหละ ถลกหนัง จึงทำการจับกุมทั้ง 4 ราย เพื่อส่งคดีไปที่ สภ.ทองผาภูมิ
โดยภายหลังจากนั้น ทางด้านกองพิสูจน์หลักฐาน ได้พิสูจน์หาระยะวิถีกระสุนเพิ่มเติม โดยมีรายการซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ซากเสือดำถูกชำแหละแล้ว 1 ตัว, ซากหนังเสือดำ, กะโหลกเสือดำ, เนื้อเสือดำที่ปรุงสุก, ซากไก่ฟ้าหลังเทา และซากเนื้อเก้ง ซึ่งเมื่อตรวจสอบร่องรอยกระสุนบนหนังเสือดำและกะโหลกเสือดำ ทำการวัดขนาดหนังเสือดำ และตรวจหาร่องรอยกระสุนจากแกนสมมุติ นอกจากนี้ยังได้ทำการโกนขนเสือดำรอบๆ ร่องรอยกระสุนเพื่อทำการตรวจสอบ ตรวจสอบร่องรอยกระสุนบนชิ้นเสื้อซากเสือดำ ซึ่งพบร่องรอยกระสุน 8 จุด พร้อมกันนี้ได้มีการจำลองท่ายืนของเสือดำ ส่วนไก่ฟ้าหลังเทา พบร่องรอยกระสุน 12 จุด
..จากวันนั้นจนวันนี้เวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา.. ในวันที่ 8 ธ.ค. 2564 ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จะอ่านพิพากษาศาลฎีกา “คดีล่าเสือดำ” ที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต อดีตประธาน กรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ พร้อมพวกอีก 3 คน
ก็คงต้องรอดูกันต่อไปแล้วล่ะว่า สิ่งที่กระแสสังคมพยายามเรียกร้องให้ “เสือดำต้องไม่ตายฟรี” นั้น จะเป็นจริงหรือไม่? มารอดูกัน!…
