เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.  ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง

กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค.54 – 13 ธ.ค.55 จำเลยทั้งสี่ในฐานะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนและตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสองฐานสั่งฆ่าประชาชน  ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ จากการที่ ศอฉ. ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ ให้ออกจากตำแหน่งนายกฯ จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ยกฟ้องจำเลยทั้งโจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย ต่อมาศาลอุทธรณ์ เห็นว่าพวกจำเลยกระทำผิดจริงจึงพิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 3 ปี  ลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี  ไม่รอลงอาญา จำเลยทั้งสี่ยื่นฎีกา
    

โดยวันนี้จำเลยที่ 2- 4 พร้อมทนายความเดินทางมาศาล อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานายประกันของจำเลยทั้งสี่ ยื่นคำร้องต่อศาลว่า เพิ่งได้รับแจ้งว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา  จึงไม่สามารถนำตัวจำเลยที่ 1 มาส่งศาลได้ ขอเลื่อนคดีสักนัดหนึ่ง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า  ยังส่งหมายนัดให้จำเลยที่ 1 ไม่ได้  ประกอบกับนายประกันแจ้งว่า จำเลยที่ 1 ย้ายที่อยู่  หากการส่งหมายไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย และประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อีกทางหนึ่ง จึงให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นวันที่ 10 ก.พ.65 เวลา 09.00 น.

ภายหลัง นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์ ให้สัมภาษณ์ว่า นัดฟังคำสั่งศาลฎีกาคดีที่ฟ้อง นายธาริต กับพวกรวม 4 คน กรณีที่แจ้งข้อหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากการชุมนุมทางการเมืองเมื่อ ปี 2553 ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แล้วศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าการที่จำเลยทั้งสี่ เรียกนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์มาแจ้งข้อกล่าวหา มีลักษณะเป็นการกลั่นแกล้งให้ต้องรับโทษ ประกอบกับดีเอสไอไม่มีอำนาจในการสอบสวนเรื่องนี้ เพราะว่าญาติผู้ตายและผู้บาดเจ็บร้องทุกข์กล่าวโทษมายังดีเอสไอ แต่ทางดีเอสไอพิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนและการไต่สวนหาความจริงอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. เพราะว่าทั้งสองเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

อย่างไรก็ตามในวันนี้ มีเพียงจำเลยที่ 2,3 และ 4 มาฟังคำพิพากษา แต่นายธาริต จำเลยที่ 1 ไม่มาศาล เนื่องจากศาลส่งหมายไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งเป็นนายประกันจำเลย 1 แล้วแถลงต่อศาลว่า นายธาริต ได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ดังนั้นศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อนายประกันขอเลื่อนการส่งตัวจำเลยที่ 1 จึงให้เลื่อนไปอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งในวันที่ 10 ก.พ.65 เวลา 09.00 น.