เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. พ.ต.ท.สราวุธ มหาชัย สว.(สอบสวน) สภ.พัฒนานิคม ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่ลานจอดรถหน้าโรงงานบริษัทแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 13 ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กริช แสงพล ผกก.สภ.พัฒนานิคม เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และแพทย์เวร รพ.พัฒนานิคม ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบพนักงานโรงงานดังกล่าวยืนมุงดูด้วยความตื่นตระหนก ในจุดเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตเป็นหญิงนอนหงาย สวมเสื้อชุด รปภ.บริษัทแห่งหนึ่ง ที่หน้าอกมีรอยกระสุน 3 นัดและข้างหลัง 1 นัด ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ชลิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ชาว จ.ลพบุรี นอกจากนี้ยังใกล้กันยังพบปลอกกระสุนตกอยู่บริเวณรอบๆ 5 ปลอก เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงรวบรวมเก็บเป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุทำงานเป็น รปภ.ในโรงงานนี้ด้วยกันและเป็นอดีตสามีของผู้ตาย ทราบชื่อคือ นายอนุสรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี หลังก่อเหตุแล้วได้ใช้รถ จยย.ฮอนด้า สีฟ้าหมายเลขทะเบียน 1 กท 7310 ลพบุรี หลบหนีไป โดยสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุเพื่อมาดำเนินคดี

พยานผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ยืนคุยกับผู้ก่อเหตุบริเวณใกล้รั้วของลานจอดรถดังกล่าว จู่ๆ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5 นัด จึงรีบวิ่งไปดู เห็น น.ส.ชลิดา นอนหงายเสียชีวิตอยู่แล้ว ขณะที่นายอนุสรณ์ มือปืนรายนี้ ได้ขี่รถ จยย. หลบหนีไป โดยเบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตเคยเป็นสามีภรรยากัน และอยู่กินกันมาหลายปี ก่อนมาในช่วงหลังจะแยกกันอยู่ ซึ่งจากอายุที่ต่างกันมาก ประกอบกับฝ่ายชายเริ่มไม่มีเงินให้ภรรยา จนมีปากเสียงกันประจำ โดยฝ่ายชายมักจะถูกฝ่ายหญิงด่าทอรุนแรงและเรียกฝ่ายชายว่า ”ไอ้แก่” จนทำให้เกิดเป็นความแค้นสะสม ก่อนที่จะมาก่อเหตุในครั้งนี้

ต่อมาวันเดียวกัน พ.ต.ท.สันต์ภพ พลเมือง สว.(สอบสวน) สภ.พัฒนานิคม ได้รับแจ้งว่ามีเหตุฆ่าตัวตายภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบที่หน้าห้องพัก มี จยย.ฮอนด้า สีฟ้า ทะเบียน 1 กท 7310 ลพบุรี จอดอยู่ ภายในห้องพบศพนายอนุสรณ์ ผู้ก่อเหตุยิง น.ส.ชลิดา นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน สวมชุดเสื้อแจ๊กเกตสีดำ สวมหมวก กางเกงขายาว ใส่รองเท้าผ้าใบ ที่ขมับขวา มีรอยกระสุน 1 นัด เลือดไหลนองหมอน ในมือขวาถืออาวุธปืน .38 พร้อมทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้ 1 ฉบับ

โดยเนื้อหาในจดหมาย ได้เขียนระบายความในใจถึงแฟนสาว และความอัดอั้นใจที่ถูกแฟนสาวเรียกว่า “ไอ้แก่” ทั้งๆที่ผ่านมาก็เป็นคนที่คอยช่วยเหลือในเวลาที่แฟนสาวเดือดร้อนลำบากมาตลอด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ไปชันสูตรที่นิติเวชตามขั้นตอน ก่อนประสานให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.