ในวันศุกร์นี้ (24 ธ.ค. 64) นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ และคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 107.6 ล้านล้านเยน (31.4 ล้านล้านบาท) สำหรับปีงบประมาณ 2565-66 ซึ่งจะเริ่มต้นใช้ในเดือนเมษายนปีหน้า และเป็นแผนงบประมาณที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในญี่ปุ่น เพื่อใช้จ่ายในการฟื้นฟูประเทศที่บอบช้ำจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นวาระสำคัญสูงสุดของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ คิชิดะ ทั้งนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเสียก่อน ซึ่งมีกำหนดการพิจารณาภายในเดือนมีนาคมปีหน้า

มีการเปิดเผยแผนงบประมาณปีแรกของรัฐบาลคิดะหลังจากที่รัฐสภาญี่ปุ่นอนุมัติเงินจำนวน 36 ล้านล้านเยน (10.5 ล้านล้านบาท) เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของปีงบประมาณปัจจุบัน เพื่อช่วยให้ประเทศพื้นตัวได้จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาอันเนื่องมาจากโรคระบาด

งบประมาณปีหน้าแบ่งเป็นงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายเร่งด่วนในสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด 5 ล้านล้านเยน (1.46 ล้านล้านบาท), งบประมาณของกระทรวงกลาโหม 5.37 ล้านล้านเยน (1.56 ล้านล้านบาท), งบประมาณด้านสวัสดิการที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 36.3 ล้านล้านเยน (10.6 ล้านล้านบาท) และอีก 24.3 ล้านล้านเยน (7.1 ล้านล้านบาท) จัดเป็นงบประมาณสำหรับจ่ายภาระหนี้สิน

ญี่ปุ่นซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลกและมีมูลค่าตลาดสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (167.1 ล้านล้านบาท) แต่มีหนี้สาธารณะใหญ่มากกว่ามูลค่าตลาดถึง 2 เท่า และเป็นจำนวนหนี้ที่สูงที่สุดในบรรดาประเทศอุตสาหกรรม

นายกฯ คิชิดะให้คำมั่นที่จะปรับปรุงการเงินสาธารณะของญี่ปุ่นในระยะยาว และได้คาดการณ์ถึงการกู้ยืมในแผนงบประมาณไว้ว่า จะมีการกู้ยืมใหม่ในปีงบประมาณหน้าที่ 36.9 ล้านล้านเยน (10.7 ล้านล้านบาท) ซึ่งน้อยกว่าจำนวน 43.6 ล้านล้านเยน (12.7 ล้านล้านบาท) ที่วางแผนไว้สำหรับปีนี้

เหตุที่ลดจำนวนเงินกู้ยืมที่ลดได้ เนื่องจากจัดเก็บภาษีเงินได้ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในระยะ 2 ปี หลังจากเกิดปัญหาเศรษฐกิจสะดุดเพราะโรคโควิด-19 ระบาด 

รัฐบาลประเมินอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจริงไว้ที่ 3.2% ในปีงบประมาณ 2065/66 ซึ่งสูงกว่าการประเมินแต่เดิมที่ 2.2% และถูกนำมาใช้เป็นฐานการพิจารณาแผนงบประมาณ

แต่เนื่องจากยังมีหนี้สินคงค้างอยู่เป็นจำนวน 34.3% ของงบประมาณ จึงน่าจะเป็นการยากที่จะบรรลุถึงเป้าหมายการเกินดุลงบประมาณเบื้องต้นภายในปีงบประมาณ 2568/69 ตามที่รัฐบาลตั้งไว้

ส่วนการขาดดุลงบประมาณเบื้องต้นซึ่งไม่รวมการขายพันธบัตรใหม่และการชำระหนี้ อยู่ที่จำนวน 13 ล้านล้านเยน (3.79 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2065/66 นับว่าปรับตัวดีขึ้นจาก 20 ล้านล้านเยน (5.8 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ แต่ยังห่างไกลจากเป้าหมายรัฐบาลตั้งไว้

เครดิตภาพ : Reuters