“ช้างศึก” ทีมชาติไทย ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020” สำเร็จ หลังจาก เสมอ “ดาวทอง” เวียดนาม 0-0 ในรอบรองชนะเลิศ นัด 2 วันที่ 26 ธ.ค.64 ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ทำให้รวมผล 2 นัด ไทยชนะ 2-0

หลังจากเกมแรก ไทยชนะ 2-0 เกมนี้ มาโน โพลกิง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย จัด 11 ตัวจริง ระบบเดิม 4-4-2 เปลี่ยนแค่ 2 ตำแหน่ง จากนัดที่แล้ว ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ลงแทน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร และ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ แทน สุภโชค สารชาติ

โดย 11 ตัวจริง มีดังนี้ ผู้รักษาประตู ฉัตรชัย บุตรพรม, แนวรับจากขวาไปซ้าย นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, มานูเอล ทอม เบียร์ห, กฤษดา กาแมน, ธีราทร บุญมาทัน, กองกลาง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, สารัช อยู่เย็น, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, “กัปตันเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, คู่ศูนย์หน้า “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กับ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ส่วน เวียดนาม ของ ปาร์คฮังซอ นำโดย เหงียน เทียน ลินห์, เหงียน กวงไฮ

เปิดเกม เวียดนามรุกน่ากลัว กดดันไทยได้ตลอด ถึงนาทีที่ 32 ไทย ต้องเปลี่ยนผู้รักษาประตู ฉัตรชัย บุตรพรม ออกมาตัดบอลแล้วเจ็บเอง ต้องลงเปล เจ้าตัวถึงกับร้องไห้ โดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ลงมาแทน ก่อนจบครึ่งแรก ธีราทร บุญมาทัน ได้เติมขึ้นไปตะบันมุมแคบ แต่ไม่ผ่าน ตรันเหงียนมันห์ โกลเวียดนาม จบครึ่งแรก 0-0

ครึ่งหลัง มาโน ส่ง เอลเลียส ดอเลาะ ลงมาแทน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เปลี่ยนแท็คติกเป็น 3 กองหลัง แก้การทะลุทะลวงของเวียดนาม และส่ง ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร มาแทน ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ เกมมาถึงนาทีที่ 59 ธีราทร บุญมาทัน ไปตัดฟาวล์ เลยโดนใบเหลือง จะโดนแบนเกมต่อไป

เกมครึ่งหลังนี้ เวียดนาม ดูแผ่วลงไป ไม่ดุดันเหมือนครึ่งแรก ส่วนไทยเล่นประคองตัว ก่อนจบเกมเสมอ 0-0 ไทย เข้ารอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์รวม 2-0 พร้อมรับเงินอัดฉีดจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ 10 ล้านบาท ส่วน เวียดนาม แชมป์เก่า ตกรอบ

สำหรับรอบชิงชนะเลิศ ไทย พบ อินโดนีเซีย เตะ 2 นัด วันที่ 29 ธ.ค.64 และวันที่ 1 ม.ค.65 โดยไทย เข้าชิงชนะเลิศ หนที่ 9 ลุ้นแชมป์สมัย 6 ส่วน อินโดนีเซีย ของกุนซือชาวเกาหลีใต้ ชินแตยัง ลุ้นแชมป์สมัยแรก

นอกจากนี้ ไทย ยังได้เงินรางวัลจาก เอเอฟเอฟ แน่ๆ แล้ว 100,000 เหรียญสหรัฐ(ประมาณ3.27ล้านบาท) รวมได้แล้วตอนนี้ 13.27 ล้านบาท

และหากได้แชมป์ จะเปลี่ยนจาก 100,000 เหรียญสหรัฐ เป็น 300,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9.82 ล้านบาท) บวกกับเงินอัดฉีดที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม จะนำมาให้อีก 20 ล้านบาท รวมแล้วหากได้แชมป์ รับแน่ๆ ราวๆ 40 ล้านบาท( 10 ล้าน จาก พล.ต.อ.สมยศ, 20 ล้านจาก มาดามแป้ง, 9.82 ล้าน จากเงินรางวัล)

(ภาพหลักจาก ช้างศึก)

.