ปี 2564 ที่ผ่านมา ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจทุกประเทศต้องปรับกลยุทธ์ ไม่เว้นแต่คอนเทนต์ประเภท “ละคร” และ “ซีรีส์” เพราะนอกจากคู่แข่งที่เป็นทีวีดิจิทัลด้วยกันแล้ว ยังมีแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่ง ที่ทำให้ผู้ชมมีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น ในช่วงครึ่งปีแรก หลาย ๆ ช่องเปิดผังละครเรื่องใหม่ลงจอกันอย่างตู้มต้าม ก่อนจะเจอกับ สถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ละครบางเรื่องต้องหยุดออกอากาศชั่วคราว เนื่องจากไม่สามารถถ่ายทำต่อได้ และสปอนเซอร์หลาย ๆ เจ้ายังเบรกเม็ดเงินในการซื้อโฆษณา แต่ละช่องเลยส่งละครรีรันออกมาหยั่งเชิงดูสถานการณ์ไป ผ่านครึ่งปีแรกกันไปอย่างค่อนข้างทุลักทุเล ก่อนที่จะมาเร่งเครื่องสปีดอีกครั้งช่วงปลายปี โดยแต่ละช่องมีจำนวนละครใหม่ออกอากาศช่วงไพร์มไทม์ หลังข่าวภาคค่ำ ดังนี้ คือ
ช่อง 3 จำนวน 18 เรื่อง, ช่อง 7 จำนวน 15 เรื่อง, ช่องวัน 31 จำนวน 10 เรื่อง, ช่อง 8 จำนวน 4 เรื่อง, ช่องพีพีทีวี จำนวน 7 เรื่อง
ปรากฏการณ์วันทอง
“วันทอง” ละครพีเรียดฟอร์มยักษ์จากช่องวัน 31 ที่เล่าวรรณคดีมุมใหม่ว่า “วันทองมิใช่หญิงสองใจ” โยงเรื่องสมัยกรุงศรีฯ เข้ากับประเด็นสังคม พ.ศ.นี้ อาทิ ฉันทนให้ลูกต้องโตมาในเรือนที่ผัวมีหลายเมียเป็นเรื่องปกติธรรมดาแบบนี้ไม่ได้, ไม่ว่าหญิงหรือชาย ควรจะมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน โดยมี ป้อง-ณวัฒน์ มารับบทเป็น “ขุนแผน” ชาคริต แย้มนาม” รับบท “ขุนช้าง” และ “ใหม่ ดาวิกา” เป็น “วันทอง” เป็นส่วนผสมที่ลงตัว โกยเรตติ้งตอนจบไปกว่า 7.8 ทุบทุกสถิติตอนจบที่ช่องวันเคยทำไว้ ทั้ง “เมีย 2018” และ “พิศวาส” นอกจากนี้ วันทอง ยังได้กระแสบนโลกโซเชียลฯ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของไทย และอันดับ 3 เทรนด์โลก, เทรนด์ยูทูบอันดับ 1 ฉากประหารวันทอง, เทรนด์กูเกิลอันดับ 1 คำค้นหา วันทองตอนจบ … ปังสนั่นจริง ๆ
เดาใจคนดูถูกทาง
ยังคงเดาใจคนดูถูกทาง สำหรับช่อง 7 เอชดี ที่ทั้งละครใหม่ และละครรีรัน สามารถทำเรตติ้งสูงต่อเนื่อง อย่าง ละคร “วงเวียนหัวใจ” ของค่าย กันตนา มูฟวี่ทาวน์ (2002) ที่ได้พระนาง พอร์ช-ศรัณย์ กับ นาว-ทิสานาฏ โชว์ความโรแมนติก ดราม่า ฟินจิ้นทะลุจอทำเอาเรตติ้งตอนจบสูงถึง 7.1เรียกว่าเป็นการทิ้งทวนละครเรื่องสุดท้ายของพอร์ชก่อนโบกมือลาช่อง 7 ตามมาด้วย วงเวียนหัวใจ ที่จบด้วยเรตติ้ง 7.1 ทางเสือผ่าน ตอนจบเรตติ้ง 6.8 ทะเลเดือด-เผาขน ตอนจบเรตติ้ง 6.7 คู่แค้นแสนรัก-คฑาสิงห์ ตอนจบเรตติ้ง 6.4 ฯลฯ
จับเทรนด์ฮิตพระนางต่างวัย
อีกหนึ่งเทรนด์ฮิตของละครไทยในปี 2564 คือ เรื่องราวความรักโรแมนติกต่างวัย ที่นางเอกอายุมากกว่าพระเอก โดยเฉพาะช่อง 3 ที่ส่งละครแนวนี้มาเอาใจคนดูรัว ๆ กับ “ให้รักพิพากษา dare to love” ที่นางเอกรุ่นพี่ เบลล่า-ราณี รับหน้าที่เจ๊ดันพระเอกน้องใหม่ กองทัพ พีค, “พฤษภา ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน” ที่ผู้จัด โดนัท-มนัสนันท์ จับ แยม-มทิรา แปลงโฉมเป็น มนุษย์ป้า “ซิสอร” ประกบพระเอกดาวรุ่ง ริว-วชิรวิชญ์ และส่งท้ายปีด้วย กะรัตรัก ที่ได้นางเอกตัวแม่ แอน ทองประสม กลับมาทวงบัลลังในรอบ 5 ปี ทดสอบเคมีกับซุป’ตาร์รุ่นน้อง เจมส์ จิรายุ ตอบโจทย์อินไซด์กลุ่มคนดู ซึ่งตรงกับผลวิจัยหลาย ๆ ชิ้นที่ชี้ว่ากลุ่มคนที่ดูทีวีผ่านจอทีวีคือกลุ่มผู้หญิงอายุ 30+ ส่วนละครหลังข่าวที่ได้เรตติ้งสูงสุดของช่อง 3 ในปีนี้ คือ “มนต์รักหนองผักกะแยง” ซึ่งนำแสดง โดย ณเดชน์ คุกิมิยะ และ ผลงานละครช่อง 3 เรื่องแรกของ โบว์ เมลดา ที่คว้าเรตติ้งตอนจบไปที่ 4.14 และละครที่เป็นม้านอกสายตาอย่าง “เมียจำเป็น” ที่นำแสดงโดย ไม้ วฤษฎิ์ และ พาย รินรดา กับเรตติ้งเฉลี่ย 3.44 และเรตติ้งตอนจบสูงถึง 4.7 ส่วนเรื่องอื่น ๆ ยังไม่เข้าตากรรมการมากนัก
ละครพีเรียดรุ่นใหญ่สายวาย
ข้ามมาช่อง 8 กันบ้าง กับ “เรยา” ละครเรื่องสุดท้ายของ พลอย เฌอมาลย์ ที่ผลิกล็อกเรตติ้งไม่เปรี้ยงเท่าที่ควรก่อนจะมาเซอร์ไพร้ส์คนดูกับละครพีเรียดสายวาย ชายรักชาย ที่มีทั้งผี และการสืบสวนสอบสวน อย่าง “เรือนร่มงิ้ว” ของผู้จัดหนุ่ม ต่าย-นัฐฐพนท์ ทีมนักแสดงทั้ง กอล์ฟ–อนุวัฒน์, พิงกี้–สาวิกา, อั๋น–วิทยา ที่ค่อย ๆ เก็บแต้ม จน เรตติ้งทะลุ 2 ได้สำเร็จ เป็นหน้าเป็นให้กับสถานี
ไม่โป๊ะตรงไหน เอาปากกามาวง
ถือเป็นละครเรตติ้งสูงสุดของช่อง พีพีทีวี สำหรับ “ธิดาซาตาน” ที่ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมใจกันแชร์ฉากต่าง ๆ จนกลายไวรัล พุ่งขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ กับความไม่สมเหตุสมผลทั้งบท และซีจี สร้างความตลกขบขันให้คนดู แต่ถ้ามองอีกมุมก็ทำให้ชาวเน็ตพูดถึงละครเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว
ทิศทางซีรีส์วาย-ซีรีส์ออริจินัล ยังได้ไปต่อ
ถ้าพูดโดยภาพรวมในปีนี้ ซีรีส์วายอาจจะไม่คึกคัก เท่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะมีพระเอกนายเอก และคู่จิ้นหลายคู่ เริ่มบินเดี่ยว แยกกันไปรับทำงานสายอื่น ๆ ในวงการบันเทิงแทน ไม่ว่าจะ ร้องเพลง พิธีกร หรือขึ้นแท่นพระเอกเต็มตัว แต่เชื่อว่าซีรีส์แนวนี้ยังคงไปต่อได้เนื่องจากมีฐานคนดูเฉพาะกลุ่ม สำหรับเรื่องที่โดดเด่นในปี 2564 นี้ ขอเริ่มที่ ค่ายเจ้าพ่อซีรีส์วายอย่าง GMMTV ที่ส่งซีรีส์ “นิทานพันดาว” ลงจอพร้อมแจ้งเกิดคู่จิ้นคู่ใหม่ อย่าง มิกซ์-สหภาพ และ เอิร์ท-พิรพัฒน์ ส่วนนาดาว บางกอก ก็ซีรีส์ภาคต่อ แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 ที่นำแสดงโดย บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ และ พีพี-กฤษฏ์ มาสานต่อความจิ้นทาง LINE TV แต่น่าเสียดายที่แพลตฟอร์มดังกล่าวจะปิดบริการในวันที่ 31 ธ.ค. ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ทำเอาคอซีรีส์ใจหายไปตาม ๆ กัน ขณะที่ช่อง 3 หันมาทำซีรีส์วาย ชิมลางเรื่องแรกกับ “นับสิบจะจูบ” ที่ได้ เก้า-นพเก้า กับ อัพ-ภูมิพัฒน์ แท็กทีมแจกความฟิน
นอกจากนี้ ปี 2564 ยังมีออริจินัลคอนเทนต์สัญชาติไทยหลายเจ้าเข้าไปฉายในช่องทางสตรีมมิ่ง ผลงานโดดเด่น ได้แก่ อิน จัน (Eng and Chang: Till Death Tear Us Apart) จากความร่วมมือระหว่างกันตนากับทรู ออริจินัล ถือเป็นซีรีส์ไทยเรื่องแรกที่พรีเมียร์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ Hotstar ส่วนทางฝั่งของ Netflix ปีนี้ ได้ชุบชีวิต “แนนโน๊ะ” กับซีรีส์ เด็กใหม่ ซีซัน 2 (Girl From Nowhere Season 2) จนก้าวขึ้นสู่ Top 10 คอนเทนต์ยอดนิยมใน 7 ประเทศแถบเอเชีย หมวด TV Shows …จากซีซั่นแรกยังฆ่าไม่ตายจริง ๆ
หวังว่าปีหน้าฟ้าใหม่ เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น เราคงได้ชมคอนเทนต์ปัง ๆ จากทีวีดิจิทัลและแพลตฟอร์มต่าง ๆแบบไม่มีสะดุด ไม่ต้องพักการถ่ายทำเพราะโควิด-19 แล้วต้องฉายละครรีรันซ้ำไปซ้ำมาอีก
นฤมล แซ่แต้ : เรื่อง
