นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตนเห็นว่าการขับเคลื่อนกิจกรรมกีฬาให้ยกระดับไปสู่การเป็นจุดหมายกีฬาระดับโลก จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย ต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวได้อย่างดีมากอีกแนวทางหนึ่ง จึงกำลังพยายามขับเคลื่อนงานด้านนี้ให้มากยิ่งขึ้น โดยหลาย ทัวร์นาเมนต์กีฬาอาชีพ ใน 2-3 ปีมานี้ สร้างประโยชน์แก่ชาติได้ตรงเป้าหมาย นำไปสู่การขับเคลื่อนเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้ดี รวมถึงนำเข้าชาวต่างชาติได้เป็นจำนวนมาก ที่เป็นทั้งนักกีฬา ทีม และกองเชียร์ อาทิ ทัวร์นาเมนต์หลายๆ รายการ เช่น โมโตจีพี, UTMB วิ่งเทรล หรือ เจ็ตสกีเวิลด์คัพ

สำหรับกีฬาเจ็ตสกี ตอนนี้ไทยเป็นองค์กรจัดการแข่งขันอันดับ 1 ของโลกและได้รับความเชื่อถือไปทั่วโลก ตรงนี้ตนเห็นว่าควรนำมาสร้างประโยชน์เพิ่มขึ้น จึงจะนำมาสร้างสรรค์ต่อยอด สร้างเป็นจุดหมายกีฬาระดับโลก เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรายการ คือ การแข่งขันวอเตอร์เจ็ตชิงแชมป์โลก นอกชายฝั่ง รอบเกาะภูเก็ต ซึ่งจะบรรจุเข้าสู่ปฏิทินการแข่งขันของนักกีฬาทั่วโลก ในเดือน มี.ค.2566

โดยทัวร์นาเมนต์นี้ จะรวมประโยชน์ 5 ข้อ ได้แก่ 1. ตั้งเป้านำเข้าทีมนักกีฬาและผู้ชมทั่วโลก 3,000 คน ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ท่องเที่ยวให้กับพี่น้องประชาชน ช่วงการฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 ได้ดีอีกทางหนึ่ง โดยตั้งเป้าราว 300 ล้านบาท, 2. การแข่งออฟชอร์คือ นอกชายฝั่ง เราใช้ระยะห่างชายหาดประมาณ 2-3 กม. ที่มีการจราจรเบาบาง และไม่กระทบต่อนักท่องเที่ยวบนชายฝั่ง แต่จะได้นำความสวยงามมุมต่างๆ มานำเสนอให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เห็นด้วย ซึ่งต่อไปกีฬาเจ็ตสกีก็จะพัฒนาไปสู่ระบบไฟฟ้า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี, 3. คือการต่อยอดแบรนด์กีฬาไทยสู่ระดับโลกอีกหนึ่งรายการ, 4. กิจกรรมนี้สามารถต่อยอดการเล่นเรือชนิดต่างเพิ่มขึ้น เช่น เรือส่วนตัว เรือยอชท์ เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าการท่องเที่ยว และ 5. เป็นกลไกที่นำไปสู่การจัดทะเบียนเรือเจ็ตสกีอย่างถูกต้อง และขับเคลื่อนการปฏิบัติตามข้อกำหนดของภาครัฐได้อย่างดี