ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ มักเป็นช่วงที่หลายคนใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ทำอะไรใหม่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ายิ่งเวลาผ่านล่วงเลย หลายครั้งปณิธานอันเข้มแข็งช่วงต้นปีกลับแผ่วปลาย มีหลายสิ่งยังไม่ได้ลงมือทำ ดังนั้นจะเป็น “เรื่องดี” ไม่ใช่น้อย หากการตั้งเป้าหมายชีวิตของปีนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบยั่งยืน!! แต่จะเริ่มลงมือจากอะไรนั้น เอ๋-อภัยลักษณ์ ตันตระบัณฑิตย์ วิทยากรและที่ปรึกษาภาพลักษณ์ เจ้าของผลงานเขียนหนังสือ The New You ปรับลุค เปลี่ยนลักษณ์ จะมาเผยเคล็ดลับการตกหลุมรักตัวเอง คนใหม่ในร่างเดิม ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้

เอ๋-อภัยลักษณ์ ตันตระบัณฑิตย์

อาจารย์ เอ๋เล่าว่า การเปลี่ยนแปลงตัวเราเองอันดับแรกต้องเริ่มจาก “จิตใจ” เวลาที่เราดูดีต้องดูดีจากภายในสู่ภายนอก ถ้าภายในดูดีแล้วภายนอกจะดูดีได้ตามไปด้วย แล้วมันยั่งยืนยาวนานแข็งแรงมากกว่า ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า ทำไม (WHY) ถ้าเราจะสวยหรือดูดีขึ้นไม่ต้องทำเพื่อคนอื่น ขอให้สวยเพื่อตัวเอง ต่อมาคือ ทำอย่างไร (HOW) นั่นก็คือ การรู้คุณค่าของตัวเอง รู้ว่าตัวเองมีข้อดีอะไรบ้าง เราภาคภูมิใจในตัวเองตรงไหน รู้สึกขอบคุณตัวเองให้ได้ทุกวัน ถ้าเรากตัญญูกับตัวเอง กตัญญูกับสิ่งแวดล้อมทุกวัน ในที่สุดจะส่งผลทำให้ทุกอย่างรอบตัวกตัญญูกับเรา แล้วรู้สึกดีกับเราด้วย มันคือเรื่องของแรงดึงดูด เรียกว่า “ทัศนคติแห่งความกตัญญู” เมื่อจิตใจเราดีแล้วหน้าตาจะสดใน ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ตาเปล่งประกาย เราจะแต่งแต้มเติมสีอย่างไรก็ไม่เท่า

แล้วภาพลักษณ์ภายนอกมีอะไรบ้างที่เราควรจะปรับ อาจารย์เอ๋ เผยว่า ต้องทำเป็นองค์รวมตั้งแต่หัวจดเท้า เพราะสังคมยังตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความเป็นจริงคนตัดสินกันตั้งแต่วินาทีแรกที่พบกัน มันถึงมีเรื่องของ “เฟิร์ส อิมเพรสชั่น” คือการสร้างความประทับใจในครั้งแรก ถ้าเขาเจอเราครั้งแรกแล้วไม่ประทับใจ มันไม่มีโอกาสครั้งที่ 2 แล้วและครั้งต่อไปจะยากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาที่เราปรับเปลี่ยน จุดมุ่งหมายไม่ใช่ความสวยหรือความหล่อ แต่จุดมุ่งหมายเพื่อให้เราดูดีและมีความสุข

เริ่มต้นจาก ผม ถ้าเราทำธุรกิจพูดทีผมปิดหน้าผิดตายุ่งเหยิง ถ้าเราไปพบลูกค้า ลูกค้าก็อาจจะรู้สึกว่าจะบริการได้ไม่ดี มันเป็นเรื่องของการตัดสินไปแล้ว ดังนั้นผมของเราต้องสะอาด เข้ารูปเข้าลอย เซตผมบ้าง จะได้รู้ว่าเราสดชื่นแจ่มใสอย่างไร ผิวพรรณ อากาศเริ่มเย็นแล้ว ดูแลผิวให้ชุ่มชื้นเสมอ อย่าปล่อยให้ผิวแห้งกร้าน เสื้อผ้า ต้องชัดเจนบ่งบอกความเป็นตัวตนของเราได้ดี อย่ารอให้ใครมาติเตือนเรา ควรออกมาในเวอร์ชั่น “Be the best of yourself” ทุกวันที่เราออกจากบ้าน ทั้งนี้การแต่งกายไม่จำเป็นต้องใช้เสื้อผ้าราคาแพงแต่ต้องเป็นเสื้อผ้าที่บ่งบอกว่า วันนี้เราจะประสบความสำเร็จอะไร

“การที่เราแต่งตัวดูดี จะทำให้เราประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือฉันรู้สึกดีกับตัวเอง และการที่เราออกมาแล้วเราเคารพตัวเอง คนอื่นก็จะเคารพเรา เราอยากให้คนอื่นเคารพเราแบบไหน เราก็เคารพตัวเองแบบนั้น เลือกสวมเสื้อผ้าให้พอดีกับสัดส่วนและรูปทรงของเรา จุดไหนควรจะเน้นหรือจุดไหนไม่ต้องเน้น ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเน้นทรวดทรง หรือโป๊แล้วจะสวย บางทีความสวยอยู่ภายใต้การปกปิดก็ได้ ให้คนมองมาแล้วค้นหาบ้าง ดีกว่าไปเปิดทั้งหมด ไม่มีอะไรให้ค้นหา มองให้เห็นจุดสร้างเสน่ห์ให้กับเรา” ที่ปรึกษาภาพลักษณ์กล่าว

ด้าน เครื่องประดับ ชื่อบอกอยู่แล้วว่า “เครื่องประดับ” มีเครื่องประดับให้มาประดับเรา อย่าเอาตัวเราไปประดับเครื่องประดับ ผู้หญิงก็ต้องมีเครื่องประดับบ้าง เพราะจะช่วยให้ผู้หญิงมีเสน่ห์ น่าสนใจยิ่งขึ้น มีเป็นชิ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คนจดจำ การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับขนาดของตัวเรา ถ้าเราค่อนข้างไซซ์ใหญ่ เครื่องประดับใหญ่ขึ้นได้ ถ้าเราเป็นคนตัวเล็กอย่าใส่สร้อยใหญ่มาก ตัวเราจะหายไปเลย กิริยามารยาท สะท้อนมาจากความคิด (mindset) ควรฝึกตัวเองให้เป็นคนมองโลกในแง่ดีบนพื้นฐานความเป็นจริง ตรงไปตรงมา ถ้าพื้นฐานจิตใจเราแย่ ต่อให้สิ่งรอบตัวดีแค่ไหน เราต้องหามุมแย่ ๆ เจอและติจนได้

“อะไรก็ไม่สวยเท่ากับรอยยิ้มมนุษย์ ใช้เมคอัพยี่ห้อราคาแพงแต่เราไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสก็จบ ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ คนหน้าบึ้งตึง พูดจาให้มีหางเสียงน่าฟัง มันทำให้เราดูมีเสน่ห์ขึ้น เวลาคุยกับใครรู้จักมองตา ใช้อายคอนแทค พูดให้เต็มเสียง อย่าพูดอยู่ในลำคอ การใช้ภาษาเราไม่จำเป็นที่ต้องตามโซเชียลที่เข้าใจว่า การใช้ภาษาหยาบมันทำให้เราปัง การใช้ภาษาที่สุภาพก็ปังได้ สิ่งสุดท้ายคือ รองเท้า ควรสวมให้ถูกกาลเทศะ ทุกวันนี้สิ่งหนึ่งที่ได้รับการยกเว้นและดูดีขึ้นคือ “รองเท้าผ้าใบ” บางสถานการณ์เราใส่รองเท้าผ้าใบทำธุรกิจได้ แต่บางสถานการณ์ไม่ได้ รองเท้าต้องสะอาดอยู่เสมอ และบ่งบอกความเป็นตัวเราได้” อาจารย์เอ๋ กล่าว

ปีใหม่นี้อยากให้ หันมารู้คุณค่าของตัวเอง การเห็นคุณค่าของตัวเอง และรู้ว่าตัวเรามีค่าจริง ๆ และเลือกสิ่งที่คู่ควรเหมาะกับคุณค่าของเรา อย่าลดคุณค่าของตัวเองลงไป ลดมาตรฐานของชีวิตตัวเองลงไป เพียงเพื่อความสะดวกสบาย หรือเพียงเพื่อโซเชียลมีเดีย ให้เรารู้ว่าตัวเรามีค่าและมีดีอยู่แล้ว ถ้าจะเทียบกับใครให้เทียบกับตัวเองเมื่อวานนี้ แล้วถามตัวเองว่าวันนี้เราดีขึ้นกว่าตัวเองเมื่อวานหรือยัง เห็นคุณค่าตัวเองอย่างสม่ำเสมอ มากพอที่จะขอบคุณตัวเองได้ ภาคภูมิใจตัวเองได้

“ดูแลตัวเองในองค์รวมแล้ว อย่าลืมเพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวเองด้วย ปีใหม่นี้ตั้งเป้าเลยจะเพิ่มภูมิความรู้ให้ตัวเองในแต่ละวัน อ่านหนังสือหรือหาคอร์สเรียนยกระดับการพัฒนาของเรา และอย่าลืมส่งมอบความรักให้คนอื่น วันนี้ดูแลตัวเองและเติมเต็มในใจของตัวเองก่อน เมื่อเราเติมเต็มแล้วเราแบ่งปัน เราจะรู้ว่ายิ่งแบ่งปัน ยิ่งได้ ยิ่งมีเพิ่มพูน อย่าไปหวง “ความรัก ความรู้ คำชม กำลังใจ” สิ่งเหล่านี้ยิ่งให้ยิ่งได้รับ” อาจารย์เอ๋ กล่าวทิ้งท้าย.