สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ว่า สำนักงานคณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ รายงานเรื่องการตรวจพบ “วัตถุต้องสงสัยเป็นขีปนาวุธ” เดินทางออกมาจากชายฝั่งทางตะวันออกของเกาหลีเหนือ เมื่อเวลาประมาณ 08.10 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ ( 06.10 น. ตามเวลาในประเทศไทย )
เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งแรกของปี 2565 และเกิดขึ้นหลังเกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จ การทดสอบประสิทธิภาพ ขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ ( เอสแอลบีเอ็ม ) “รุ่นใหม่” เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ กล่าวต่อที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการกลางของพรรคคนงาน เมื่อช่วงก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา มีเนื้อหาในตอนหนึ่งเกี่ยวกับ “ความไม่แน่นอน” ของ “สภาพแวดล้อมทางทหารบนคาบสมุทรเกาหลี” และ “สถานการณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” จึงเป็นเรื่องจำเป็นให้เกาหลีเหนือต้องยกระดับแผนยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ ที่ไม่อาจล่าช้าได้อีกแม้แต่นาทีเดียว
(2nd LD) N. Korea fires an apparent ballistic missile toward East Sea: JCS https://t.co/OuSUU93Jlh
— Yonhap News Agency (@YonhapNews) January 5, 2022
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้และสหรัฐ นายคิม จอง-อึน ใช้คำว่า “ดำเนินการตามกลยุทธ์เกี่ยวกับกิจการภายนอก” โดยไม่เอ่ยชื่อทั้งสองประเทศอย่างเจาะจง
หลังจากนั้นพียงไม่กี่วัน ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน กล่าวว่า เส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมายของการประนีประนอมและสร้างสันติภาพกับเกาหลีเหนือ “ยังอีกยาวไกล” แม้ตอนนี้เขาเหลือเวลาดำรงตำแหน่งอีกไม่ถึงครึ่งปี เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งใหม่จะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค.นี้ และเขาไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก ด้วยข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ แต่จะพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน
▪ MOON'S FINAL NEW YEAR'S ADDRESS
— Arirang News (@arirangtvnews) January 3, 2022
Moon vows efforts for sustainable peace on Korean Peninsula during New Year's address#President #new_year_address #Blue_House pic.twitter.com/ODsmlgHP2o
สำหรับหนึ่งในเป้าหมายของมุน คือประกาศ “การยุติอย่างเป็นทางการ” ของสงครามเกาหลี ระหว่างปี 2493-2496 ซึ่งเป็นการสงบศึกด้วย “ข้อตกลงหยุดยิง” ไม่ใช่ “สนธิสัญญาสันติภาพ” ทำให้ในทางทฤษฎียังถือว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้มีสถานะเป็น “ประเทศคู่สงครามต่อกัน”.
เครดิตภาพ : REUTERS