สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ว่านายหวัง อี้ รมว.กระทรวงการต่างประเทศจีน สนทนาทางโทรศัพท์กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามการเปิดเผยโดยสื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลปักกิ่ง


ทั้งนี้ รัฐบาลปักกิ่ง “เห็นด้วย” กับประธานาธิบดีคาสซิม โจมาร์ต-โทคาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน ว่าสถานการณ์วุ่นวายและรุนแรงถึงขั้นนองเลือดภายในประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “เป็นผลจากกิจกรรมก่อการร้าย”


ขณะเดียวกัน นายหวังกล่าวด้วยว่า จีนและรัสเซีย “จะร่วมมือกันต่อต้านความพยายามแทรกแซงของกองกำลังจากภายนอก ซึ่งต้องการสั่นคลอนเสถียรภาพภายในกลุ่มประเทศเอเชียกลาง” ร่วมด้วย “การป้องกันการปฏิวัติสี” และการป้องกัน “กองกำลังชั่วร้าย 3 ฝ่าย” ที่ตามนิยามของจีนหมายถึง แนวคิดหัวรุนแรงทางศาสนา การแบ่งแยกดินแดน และ “การก่อการร้ายรุนแรงสุดโต่ง” ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งมองว่า เป็นปัจจัยอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์เช่นกัน

ศาลาวาการเมืองอัลมาตี เมืองใหญ่ที่สุดของคาซัคสถาน ถูกเผาจนเสียหายอย่างหนัก จากการประท้วงและจลาจลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


อนึ่ง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน สนทนาทางโทรศัพท์กับโทคาเยฟ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สนับสนุนการที่รัฐบาลคาซัคสถาน “ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด” เพื่อฟื้นฟูความสงบให้กลับคืนสู่บ้านเมืองโดยเร็วที่สุด ซึ่งถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบอย่างแท้จริงของโทคาเยฟ ในฐานะผู้นำประเทศ และทิ้งท้ายว่า รัฐบาลปักกิ่งพร้อมมอบความสนับสนุนที่จำเป็นให้แก่คาซัคสถาน เพื่อให้ก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากและยุ่งยากครั้งนี้


ส่วนประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า สถานการณ์ในคาซัคสถานเป็นผลของความพยายามบ่อนทำลาย “จากทั้งภายในและภายนอก” แม้การประท้วงครั้งนี้มีชนวนเหตุมาจากความไม่พอใจของประชาชน ต่อราคาเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น แต่มีกองกำลังบางกลุ่มฉวยโอกาสจากเรื่องนี้ “เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่แตกต่าง” พร้อมทั้งย้ำว่า องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม ( ซีเอสทีโอ ) ซึ่งมีรัสเซียเป็นหัวเรือใหญ่ “มีความชอบธรรม” ที่จะเข้ามาปฏิบัติภารกิจในคาซัคสถาน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES