เมื่อวันที่ 11 ม.ค. มีรายงานว่า ร.ต.อ.สัมฤทธิ์ วินิจรักษา รอง สว.(สอบสวน) สน.สายไหม รับแจ้งเหตุชายถูกอาวุธมีดแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณลานเบียร์ประตูกรุงเทพ เขตสายไหม กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณถนนด้านหลังลานเบียร์ พบกองเลือดจำนวนมาก ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล ทราบชื่อ พ.อ.อรรถกร (สงวนนามสกุล) นายทหารบกนอกราชการ อายุ 49 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าบริเวณหลัง จำนวน 4 แผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนได้นั่งดื่มกินกับเพื่อนที่ร้านเหล้าที่ประตูกรุงเทพพลาซ่า และได้เจอกับผู้ตาย ซึ่งมาดื่มคนเดียวจนมีอาการเมา และได้เข้ามาชนแก้ว พูดคุยกับคนในร้านรวมถึงโต๊ะของตน โดยผู้ตายบ่นว่าไม่มีใครรัก มีเพียงโต๊ะของตนที่รักและพูดคุยกับเขา ซึ่งพวกตนก็ไม่ถือสาเพราะว่าเห็นว่าเป็นคนเมา จนกระทั่งเมื่อร้านปิด พวกตนได้ย้ายมานั่งดื่มต่อที่ลานเบียร์ ซึ่งปิดอยู่แต่สามารถนั่งได้ ผู้ตายได้เดินตามมาเช่นกัน และเดินไปพูดคุยกับโต๊ะของกลุ่มทหาร ซึ่งโต๊ะดังกล่าวก็ไม่ได้ถือสาเช่นเดียวกัน และพาผู้ตายขึ้นรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้าน โดยที่ไม่รู้ว่าผู้ตายขับรถมาด้วย

ต่อมารถแท็กซี่คันดังกล่าวได้วนกลับมาลานเบียร์อีกครั้ง โดยผู้ตายได้ลงมาที่รถแล้วเจอกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งเดินถือกระบองวนรอบลานเบียร์ และเห็นว่าผู้ตายเตะเก้าอี้พลาสติกสีแดงเสียหาย ทางผู้ก่อเหตุจึงเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้ตาย ก่อนที่จะมีคนมาห้ามปราม และให้ผู้ตายเดินขึ้นรถ แต่ก็ยังมีการโต้เถียงกันต่อ ผู้ก่อเหตุจึงเข้าไปถีบประตูรถของผู้ตาย ทำให้ผู้ตายไม่พอใจและเกิดการท้าทายกัน ก่อนที่ผู้ตายจะขับรถออกไปวนรอบประตูกรุงเทพ 2 รอบ กระทั่งผู้ตายขับรถกลับมา รอบนี้เปิดประตูรถตรงเข้าไปชกต่อยกับผู้ก่อเหตุ ก่อนจะถูกผู้ก่อเหตุจะแทงจนล้มลง

หลังเกิดเหตุทราบว่าผู้ก่อเหตุได้บอกว่าให้เรียกรถพยาบาลให้กับผู้ตายด้วย และกล่าวว่าไม่ได้อยากมีเรื่อง เพราะผู้ก่อเหตุนั้นเป็นแค่คนขายเสื้อผ้าวินเทจ จากนั้นได้เดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนที่นั่งกินเหล้าอีกจุดหนึ่งและหลบหนีไป ตนและกลุ่มทหารจึงได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ตาย ซึ่งขณะนั้นยังพอมีสติอยู่ และขอให้โทรศัพท์หาพ่อของผู้ตาย ก่อนจะนำผู้ตายส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลภูมิพล

“ตนคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากการที่ผู้ตายได้ทำลายเก้าอี้ ส่งผลทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดอารมณ์ นอกจากนี้ผู้ตายกับผู้ก่อเหตุไม่ได้มีปัญหามาก่อน แม้ว่าผู้ตายจะทำการหยอกล้อกับผู้คนบริเวณนั้น แต่ไม่ได้เข้าไปพูดหยอกล้อกับกลุ่มผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด” ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวต่อว่า

ทั้งนี้มีรายงานข่าวระบุว่า หลังเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้ขึ้นรถยนต์สีขาว ไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น โดยมีชายสวมใส่เสื้อสีแดงที่ได้พยายามเข้าห้ามปราบก่อนหน้านี้เป็นผู้พาหลบหนี ส่วนด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.2 และฝ่ายสืบสวน​ สน.สายไหม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อต​รวจสอบกล้องวงจรปิด ใช้เป็นเบาะแสในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.