เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงข่าวเตรียมความพร้อมและสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเห็นต่างทางการเมือง และการดำเนินงานในห้วงเวลาที่ผ่านมา

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวถึงภาพรวมการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายตั้งแต่เดือนก.ค.63 จนถึงปัจจุบัน มีคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในเขตพื้นที่กทม. ทั้งสิ้น 814 คดี ขณะนี้ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้องไปแล้ว 409 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน 405 คดี อย่างไรก็ตาม บช.น.ขอเน้นย้ำว่า ขณะนี้แม้ กทม. จะถูกปรับให้เป็นพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวแล้วก็ตาม แต่การชุมนุมหรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการเเพร่โรคนั้นยังคงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ ระบุว่า หลังจาก ศบค.ได้มีมติจะมีการขยายการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก 2 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.65 – 31 มี.ค.65 โดยใจความสำคัญได้มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ส่วน ประกอบด้วย 1.การปรับเปลี่ยนพื้นที่ควบคุม 44 จังหวัด ปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูงหรือพื้นที่สีเหลือง 25 จังหวัด และยังคงพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 8 จังหวัด ซึ่งรวมถึงกทม. 2.การขยายเวลาในการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากเดิม 21.00 น. เปลี่ยนเป็น 23.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีผลตั้งแต่ 24 ม.ค. อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องดูในส่วนของข้อกำหนดและข้อบังคับที่ออกมาเกี่ยวข้องด้วย

ส่วนการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับในเรื่องของการทำงานจากที่บ้านให้เป็นไปตามความเหมาะสมกับปริมาณงาน กับบริบทของแต่ละบริษัท

การปรับเปลี่ยนรูปแบบของการให้บริการของสถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ ก็ยังคงให้ดำเนินการอยู่ โดยในส่วนของกทม.ได้รับรายงานว่ามีเสียงตอบรับค่อนข้างดี โดยมีเจ้าของสถานประกอบการยื่นขออนุญาตปรับเปลี่ยนรูปแบบมาขายอาหารอย่างเดียว ตามประกาศของ ผวจ.และผู้ว่าฯ กทม. และในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ ขอฝากเตือนไปยังประชาชนให้ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการกักตัวเองหากพบเชื้อหรือแม้แต่ผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับตามประกาศผู้ว่าฯ จังหวัดนั้นๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและควบคุมโรค