เมื่อวันที่ 23 ม.ค. พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว วิเคราะห์เหตุการณ์หลังร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกมติขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย ส.ส.ในกลุ่มอีก 20 คน โดยระบุว่า…

ร.อ.ธรรมนัส จะได้อะไร จากการถูกให้ออกจากพรรคพลังประชารัฐ ในครั้งนี้ สิ่งที่ ร.อ.ธรรมนัส น่าจะได้ เป็นรูปธรรมเห็นได้ชัดนั้น มี 3 อย่าง

1.ได้เสรีภาพในการต่อรองกับรัฐบาล ซึ่งจะทำได้อย่างเต็มที่ เพราะรัฐบาลจะเสียเสียงสนับสนุนไป 21 เสียง และ ร.อ.ธรรมนัส ยังทำอะไรได้อีกหลายเรื่องโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้กติกาของพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไป

2.ถ้ายังอยู่ที่พรรคเดิม ร.อ.ธรรมนัส จะต่อรองเอาตำแหน่งรัฐมนตรี คงทำไม่ได้ แต่ถ้าย้ายออกมาแล้ว ก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถ้า ร.อ.ธรรมนัส จะต่อรองเอาตำแหน่ง รัฐมนตรี ให้ตัวเอง พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ยอมแน่ๆ (นายกฯ เปิดเพลง ”อย่ายอมแพ้” ของอ้อม สุนิสา ให้ ศบศ. ฟังมาแล้วในวันนี้) ดังนั้นถ้า ร.อ.ธรรมนัส จะเอาชื่อคนอื่นมาเสนอเป็น รมต.แทน โดยมี ร.อ.ธรรมนัส อยู่เบื้องหลังก็น่าจะพอไหว

3. สามารถดำเนินงานทางการเมือง และจัดม็อบ เพื่อต่อต้านรัฐบาลได้เต็มที่หลากหลายวิธี แต่ถ้าจะถึงขั้นให้รัฐบาลล้ม คงทำไม่ได้แน่นอน เพราะ (1) พรรคเพื่อไทยคงไม่สนับสนุนจนกว่า กฏหมายลูกเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านไป และ (2) ร.อ.ธรรมนัส ต้องแน่ใจก่อนว่า จะมี ส.ส.ตามไปด้วย 20 คนจริงหรือไม่ เพราะในห้วงเวลา 1 เดือนที่ ส.ส.เหล่านี้ ยังเป็นอิสระ สามารถจะไปอยู่กับใครก็ได้

สรุป: รัฐบาลยังมีเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.มากกว่า 10 เสียงขึ้นไป ซึ่งมากกว่าสมัยที่จัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ ดังนั้น รัฐบาลยังอยู่ได้สบายๆ ไปอีกอย่างน้อยประมาณ 3 เดือน หรือมากกว่านั้น และยังมีเวลา แก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อีกนาน สามารถรุกกลับได้ ยกเว้นเรื่องม็อบนานาชนิด ซึ่งจะออกมาเคลื่อนไหวเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยกดดันรัฐบาลอีกทางหนึ่ง ส่วนใหญ่จะมาจากพวกศักดินา 3 นิ้ว ที่ออกมาปกป้องปมด้อยของตัวเองซึ่งประชาชนก็รู้ทันมากขึ้นทุกที (ลอกทุกอย่าง เพื่อสร้างชื่อตัวเองให้เด็กๆเชื่อว่าตนเป็นคนเก่ง ซึ่งมีมาตั้งแต่เริ่มลงมาเล่นการเมืองแล้วจนถึงปัจจุบันก็ยังโม้อยู่เช่นเดิม) ไม่ต้องห่วง พล.อ.ประยุทธ์ ครับ ตอนนี้