สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงเคียฟเผยแพร่แถลงการณ์ ว่าการขนส่ง “อาวุธอันตรายถึงชีวิต” ชุดล่าสุดจากรัฐบาลวอชิงตัน เดินทางถึงเมืองหลวงของยูเครน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยอาวุธที่มีการมอบให้รวมถึงเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก สำหรับทหารยูเครนซึ่งประจำการอยู่ในแดนหน้าของแนวรบฝั่งตะวันออก ประชิดติดกับพรมแดนรัสเซีย


ความสนับสนุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือทางทหารรวมมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 6,582.40 ล้านบาท ) ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การส่งมอบอาวุธชุดแรกเกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.การต่างประเทศรัสเซีย พบหารือกันที่เมืองเจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อพยายามคลี่คลายความขัดแย้งเรื่องยูเครน ทว่าแทบไม่มีอะไรคืบหน้า แม้ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการหารือกันต่อไปก็ตาม


ด้านกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียยังไม่มีปฏิกิริยามากนัก ต่อการดำเนินการของสหรัฐ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลมอสโกยืนกรานว่า รัฐบาลวอชิงตันและพันธมิตรตะวันตก “เป็นต้นเหตุ” ของบรรยากาศตึงเครียดรอบนี้


ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของสหราชอาณาจักรออกแถลงการณ์ว่า “มีข้อมูล” ว่ารัฐบาลมอสโกพยายาม “จัดตั้ง” รัฐบาลนิยมรัสเซียในยูเครนอีกครั้ง และกล่าวว่า หน่วยข่าวกรองของรัสเซียติดต่อสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับอดีตนักการเมืองยูเครนหลายคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ “รุกรานข้ามพรมแดน” ต่อมา รัฐบาลมอสโกออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด


ทั้งนี้ อดีตผู้นำยูเครนิยมรัสเซียคนล่าสุด คือนายวิกเตอร์ ยานูโควิช ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ระหว่างปี 2553-2557 โดยพ้นจากตำแหน่งหลังเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ของฝ่ายต่อต้านที่สนับสนุนโดยรัฐบาลตะวันตกหลายประเทศ ผลจากการลุกฮือและการปราบปรามของหน่วยงานด้านความมั่นคง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 ราย ปัจจุบัน ยานูโควิชลี้ภัยอยูในรัสเซีย.

เครดิตภาพ : REUTERS