จากกรณี การตรวจสอบการบุกรุกหาดคลองสน-อ่าวทึง ในพื้นที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งก่อนหน้านี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทำการบินสำรวจพบว่ามีพื้นที่ 8 ไร่เศษ หน้าหาดคลองสน ถูกแผ้วถาง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว อยู่ในเขตอุทยานฯ ที่เคยมีการตรวจยึดการบุกรุกบนเนื้อที่ 125 ไร่ เมื่อปี 2546 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เข้าไปตรวจสอบและแจ้งความไว้ที่ สภ.อ่าวนาง เพื่อดำเนินการหาผู้กระทำความผิด นอกจากที่ดิน 8 ไร่ที่ถูกแผ้วถางแล้ว ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงหน้าหาด ถูกเข้าครอบครองโดยเอกชน อ้างมีเอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 ก. ทั้ง ๆ ที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในที่ดินแปลงที่เคยตรวจยึดทั้งหมด ทำให้หลายหน่วยงานให้ความสนใจเข้ามาร่วมตรวจสอบพื้นที่หน้าหาดทั้งหมด ว่าเอกชนที่เข้าครอบครองได้เอกสารสิทธิมาอย่างไร ออกมาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. พ.ต.อ.สมศักดิ์ เนียมเล็ก ผกก.5 บก.ปปป.บช.ก.ได้ลงพื้นที่ พร้อมเชิญตัวแทนจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้าประชุมกรณีการบุกรุกพื้นที่หาดคลองสน อ่าวทึง หมู่ 4 ต.อ่าวนาง โดยทางอุทยานฯ ให้ข้อมูลว่าเมื่อวันที่ 24 พ.ย.64 ศูนย์ปฏิบัติการบินภาคใต้ กรมอุทยานฯ ทำการบินสำรวจสภาพป่าตามแผนปฏิบัติการบินปี 2565 พบว่าพื้นที่บริเวณหน้าหาดคลองสน-อ่าวทึง มีการบุกรุกแผ้วถาง และโค่นล้มต้นไม้ในเขตป่าคงสภาพ หรือป่าไม้ถาวร ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 พิกัด 47P 476170E 889286N เนื้อที่ 8.16 ไร่ จึงแจ้งความไว้ที่ สภ.อ่าวนาง เป็นคดีอาญาที่ 627/2564


จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่พบร่องรอยการนำรถแบคโฮ เข้ามาโค่นล้มไม้ป่าชายหาด และมีการนำเอากล้าไม้ เข้ามาปลูกในพื้นที่จำนวน 550 ต้น แต่การเข้าตรวจสอบไม่พบผู้กระทำความผิด ซึ่งพื้นที่แผ้วถางดังกล่าว อยู่ในเขตอุทยานฯ และป่าสงวนแห่งชาติ ต่อมามีการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าว อยู่ในแปลงตรวจยึดเก่าเมื่อปี 2546 ในคดีอาญาที่ 627/2546 ซึ่งตรวจยึดไว้เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2546 เนื้อที่รวม 125 ไร่ 2 งาน 32 ตร.ว. ซึ่งการตรวจยึดดังกล่าวพบผู้บุกรุกนำเอาต้นกล้าปาล์มน้ำมัน มะพร้าว เข้ามาปลูกไว้ และนำเสาคอนกรีตมาล้อมรั้วเป็นแนวเขต

อุทยานฯ จึงเข้าทำการรื้อถอนพืชผลอาสิน และสิ่งปลูกสร้าง ในพื้นที่ทั้งหมด 125 ไร่ พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองกระบี่ ในขณะนั้น แต่การตรวจสอบในปีดังกล่าว ไม่มีผู้มาแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ จึงไม่ได้มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิครอบครอง นอกจากแปลงที่มีการแผ้วถางใหม่ 8 ไร่เศษแล้ว ยังพบว่ามีเอกชนเข้าครอบครองพื้นที่บริเวณด้านหน้าหาด ซึ่งอยู่ในพื้นที่อุทยานฯ อีกหลายสิบราย บางรายเข้ามาปลูกสร้างเป็นบังกะโล รีสอร์ท และบ้านพัก โดยอ้างเอกสาร น.ส.3 ก.และจากการตรวจสอบแผนระวางจาก สนง.ที่ดิน จ.กระบี่ พบว่ามีการขอออก น.ส.3 ก. ในปี 2528 หลังประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอุทยานฯ แล้ว

ด้านนายปราโมทย์ แก้วนาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ให้ข้อมูลว่า เนื่องจากเอกสารสิทธิที่เอกชนถือครอง ถูกออกมาก่อนการตรวจยึดปี 2546 จึงไม่ได้มีการตรวจสอบในขณะนั้น แต่ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าว อยู่ในเขตอุทยานฯ เบื้องต้นทางอุทยานฯได้ทำหนังสือถึงที่ดินจังหวัดกระบี่ ขอให้มีการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ ในพื้นที่ดังกล่าวว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลังจากนี้ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป.