กรณี พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ “หมอกระต่าย” จักษุแพทย์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูก ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) ขี่บิ๊กไบค์ ดูคาติ ชน ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ต่อมา ส.ต.ต.นรวิชญ์ และ ร.ต.ต.นิคม บัวดก ผบ.หมู่ จร.สน.ปทุมวัน ซึ่งเป็นพ่อ ได้บวชอุทิศส่วนกุศลให้กับ พญ.วราลัคน์ ที่วัดปริวาสราชสงคราม ถนนพระราม 3

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อ.จตุรงค์ จงอาษา ผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Jaturong Mantaso Jongarsa โดยระบุว่า อุปัชฌาย์ดีศรีพระศาสนา? บวชได้บวชไม่ได้รู้อยู่แก่ใจ พรรษาไม่ใช่น้อยๆ ข่าวก็ครึกโครม

1.ข้าราชการจะบวชต้องมีกำหนดชัด ไม่ใช่บวชไม่สึก แบบนี้เรียกว่าละทิ้งหน้าที่ราชการ

2.ข้าราชการจะบวชต้องมีหนังสือรับรองจากต้นสังกัด ว่าไม่ได้หนีราชการมาบวช

3.หากเป็นผู้ต้องหาที่คดีไม่เป็นที่สิ้นสุด ต้องมีกำหนดให้ชัดเจนว่าจะสึกเมื่อไร ไปขึ้นศาลจะไปในผ้าเหลืองก็ได้ แต่เมื่อคดีสิ้นสุด ศาลลงอาญาก็ต้องสึก

4.แบบนี้เข้าเกณฑ์มหาเถรสมาคม ข้อ 1-2-3 พระสังฆาธิการที่บวชให้ควรรับการลงโทษตามจริยาพระสังฆาธิการ

สุดท้ายนี้ คงต้องรอดู เจ้าคณะปกครอง ทั้งเจ้าคณะกทม. เจ้าคณะภาคหนึ่ง และที่ขาดเสียไม่ได้ เจ้าประคุณสมเด็จเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่จะแก้ไขเรื่องนี้ให้ถูกต้อง หรือจะนิ่งเงียบตีมึนกันไปวันๆ

อนึ่ง….การบวชให้ส่งเดชนั้นอันตรายมากๆ เพราะกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ดูอย่างในอดีตเถิด ชนวนเหตุวิกฤติ 6 ตุลา ก็เพราะพระผู้ใหญ่พาซื่อบวชชุบตัวให้เณรจอมพลถนอม จนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ เพราะดันไปบวชให้บุคคลอันไม่สมควร #หรือคณะสงฆ์ไทยลืมประวัติศาสตร์ในอดีต?