สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ว่าองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เผยแพร่รายงาน เมื่อวันพุธ ยืนยันการพบผู้ป่วยจากเชื้อบีเอ.2 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสโคโรนา “สายพันธุ์ย่อย” จากเชื้อกลายพันธุ์ตัวหลักคือ โอมิครอน หรือ บีเอ.1 ในอย่างน้อย 57 ประเทศ โดยมีหลายประเทศที่พบผู้ติดเชื้อบีเอ.2 มากกว่าบีเอ.1


ทั้งนี้ ดับเบิลยูเอชโอเน้นว่า “ความแตกต่าง” ระหว่างเชื้อบีเอ.2 กับบีเอ.1 ยังไม่เป็นที่แน่ชัดโดยยังคงต้องการการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดอีกมาก อย่างไรก็ตาม รายงานวิจัยหลายระบุไปในทางเดียวกัน ว่าเชื้อบีเอ.2 ซึ่งหลายฝ่ายเรียกว่า “เชื้อล่องหน” นั้น “มีอัตราการเติบโตมากขึ้นเล็กน้อย” เมื่อเทียบกับเชื้อบีเอ.1 หรือเชื้อโอมิครอนดั้งเดิม แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันทางการแพทย์ ว่าเชื้อบีเอ.2 สามารถก่อให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรงกว่าเชื้อบีเอ.1


ปัจจุบัน เชื้อโอมิครอนซึ่งครองสัดส่วนมากกว่า 93% ของตัวอย่างที่มีการสุ่มตรวจทั่วโลก ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา แบ่งออกเป็นอย่างน้อย 4 สายพันธุ์ย่อย ตามฐานข้อมูลของจีเสด ได้แก่ บีเอ.1 บีเอ.1.1 บีเอ.2 และบีเอ.3 โดยบีเอ.1 และบีเอ.1.1 คือสายพันธุ์ดั้งเดิมซึ่งยังคงพบมากที่สุด แต่ในบางพื้นที่ของเอเชียและยุโรป เชื้อบีเอ.2 กำลังมีแนวโน้มแพร่เร็วกว่าเชื้อบีเอ.1.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES