เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ซึ่งระหว่างพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องผลกระทบและแนวทางแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย  สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการพิจารณาค้างมาจากการประชุมสภาฯ สมัยประชุมครั้งที่ 1 หลังจากสมาชิกอภิปรายอย่างกว้างขวางเสร็จสิ้นแล้ว เวลา 14.05 น. นายชวนได้กดออดเรียกสมาชิกเพื่อตรวจสอบองค์ประชุมก่อนลงมติรับทราบรายงานดังกล่าว แต่เนื่องจากมีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมบางตาอาจไม่ครบองค์ประชุมได้ นายชวนจึงพยายามรอ ใช้เวลากว่า 20 นาที แต่ดูเหมือนสมาชิกในห้องจะยังไม่ครบองค์ประชุม ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เสนอให้ประธานพักการประชุมเป็นเวลา 30 นาที เพื่อรอสมาชิก ด้านนายชวนอนุญาตให้พักเพียง 15 นาที แต่สุดท้ายไม่ได้พักการประชุม เนื่องจากนายชวนกังวลว่าสมาชิกจะลดลงจากเดิมไปอีก

จากนั้นนายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เสนอให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อ แต่ขณะเดียวกันฝ่ายค้านขอให้นับองค์ประชุมแบบเสียบบัตรแสดงตน ซึ่งนายชวนได้วินิจฉัยให้แสดงตนตามที่นายวิรัชเสนอ แต่นายจุลพันธ์ลุกขึ้นประท้วงคัดค้าน ระบุว่าวันนี้พวกเรากำหนดจะประชุมถึงเวลาประมาณ 17.00 น. หากนับองค์ประชุมแบบตามที่นายวิรัชเสนอ จะทำให้เสียเวลา กว่าจะเสร็จก็เวลา 17.30 น. ไม่ต้องประชุมต่ออยู่ดี ดังนั้นถ้าเดินเกมการเมืองเช่นนี้ฝ่ายค้านไม่ยุ่งด้วย และขออยู่นอกห้องประชุม

ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงระบุว่านายชวน “วันนี้ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง” ทำให้นายชวนสวนกลับว่า “พูดอะไรจะต้องย้อนดูตัวเองด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ลำเอียงในการทำหน้าที่” แต่นายพิเชษฐ์ตอบกลับว่า “ไม่เป็นไรครับท่านประธาน ท่านต้องดูตัวเองด้วย ท่านอย่ามาว่าผม อย่าเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” แต่นายชวน ระบุว่า “ต้องดำเนินการไปตามข้อบังคับ ไม่เช่นนั้นจะถูกตำหนิ” ทำให้นายพิเชษฐ์ ระบุว่า “สถานการณ์แบบนี้ท่านอยู่ได้อย่างไร ห้องประชุมเป็นแบบนี้อยู่ได้อย่างไร” แต่ท้ายที่สุดนายพิเชษฐ์ได้กล่าวขอโทษ

ต่อมานายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าญัตติที่นายวิรัชเสนอน่าจะไม่ถูกต้อง เพราะไม่มี ส.ส.รับรอง ดังนั้น การเสนอจึงไม่ชอบ ทำให้นายชวนกล่าวตอบว่าเมื่อนายศุภชัย ยืนยันว่าญัตติการเสนอนับไม่ถูกต้อง คำสั่งที่ตนได้สั่งไปก่อนหน้านี้ให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากนั้นนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย จึงได้ลุกขึ้นกล่าวว่า “ญัตติที่ผมได้เสนอให้ขอนับองค์ประชุมแบบเสียบบัตร ยังอยู่และถูกต้องทุกประการ เพราะมีสมาชิกรับรองกว่า 20 คน”

จนกระทั่งเวลา 14.45 น. นายชวนได้กดออดเชิญให้สมาชิกเข้าห้องประชุมเพื่อเสียบบัตรแสดงตน และประกาศผลองค์ประชุม ปรากฏว่ามีสมาชิกเพียง 195 คน ไม่ถึง 237 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม และสั่งปิดการประชุมในเวลา 14.50 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมใช้เวลาในการยื้อ เพื่อนับองค์ประชุมเกือบ 1 ชั่วโมง และสภาฯ ล่มครั้งถือเป็นครั้งที่สอง ของเดือน ก.พ.65 และเป็นครั้งที่ 16 ในรัฐบาลชุดนี้

ทางด้าน นายจิรายุกล่าวภายหลังองค์ประชุมสภาฯ ล่มว่า ขอเรียกร้องไปยังผู้ที่ทำหน้าที่ประธานรัฐสภาว่าในสัปดาห์หน้าที่มีการนัดประชุมวันที่ 9-10 ก.พ.นั้น ขอให้นัดวันประชุมเพิ่มคือวันที่ 11 ก.พ.ด้วย และขอเรียกร้องไปยังแกนนำรัฐบาลว่าการประชุมสภาฯ ท่านไม่ต้องไปโทษคนอื่น เพราะหน้าที่การรักษาองค์ประชุมเป็นของ ส.ส. ฝั่งรัฐบาล 

“ขอให้ประชาชนจับตาว่าวันนี้ ส.ส.รัฐบาลเรียกว่ามุ้งแตก เพราะพูดกันเองยังไม่รู้เรื่อง เนื่องจากมีสมาชิกพรรคตนเองเสนอนับและสมาชิกพรรคเดียวกันเสนอถอน ส.ส.รัฐบาลเสียงแตกอย่างชัดเจน พร้อมขอให้ประชาชนช่วยกันจับตามการออกกฎหมายของ ส.ส. รัฐบาลควรใช้เวลาของสภาฯ ให้เต็มที่ ฝ่ายค้านช่วยเป็นองค์ประชุมและลงมติให้หลายครั้ง แต่พอสภาฯ ล่มก็ชี้หน้าด่าฝ่ายค้านอย่างเดียว แบบนี้ในทางการเมืองเรียกว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษด้านการเมือง” นายจิรายุ กล่าว