จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวของพระสงฆ์วัดดังย่านเมืองนนท์ ได้ทำโทษเด็กด้วยการตีก้น เตะเข้าที่ใบหน้า และที่ท้อง จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมนั้น

คืบหน้าเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พระกิตติศักดิ์ ฐานะวโร อายุ 44 ปี พระลูกวัดดังกล่าว ที่ถูกกระแสสังคมโจมตีว่าทำเกินกว่าเหตุ โดยทางพระกิตติศักดิ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุอาตมากำลังปิดประตูห้องที่ตั้งหลวงปู่ช่วง ก็มีชาวบ้านมาบอกว่าพบชายคนหนึ่งกำลังปีนเข้าไปในบ้านของโยมข้างวัด ก็เลยเดินไปดูพบชายดังกล่าวอยู่ในบ้าน หลังจากนั้นเจ้าของบ้านก็ออกมาแล้วมีเพื่อนบ้านโทรแจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึงชายดังกล่าวได้ขอร้องว่าอย่านำตัวเขาส่งตำรวจเลย ซึ่งทางเจ้าของบ้านก็ไม่ได้ติดใจเอาเรื่อง เพราะไม่มีทรัพย์สินเสียหาย และทราบว่าชายดังกล่าวเป็นคนสติไม่ดี จึงมอบหมายให้อาตมาจัดการ ซึ่งอาตมาก็เคยเห็นชายคนนี้เดินอยู่แถววัดเป็นประจำ จึงได้ทำโทษด้วยการตีก้น 6 ครั้ง แล้วก็ปล่อยไป จนมาทราบข่าวว่าญาติเขาไปแจ้งความดำเนินคดีกับอาตมา

ลุงหยัด ชอุ่มอินทร์ อายุ 89 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว บอกว่า ตอนที่มีคนมาเรียกแล้วบอกว่ามีคนปีนเข้าบ้าน ตนนอนอยู่ในบ้าน จึงลุกออกมาดูก็พบเห็นพระกับชาวบ้านจับตัวคนที่ปีนไว้ แต่เห็นว่าเขาไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไป จึงไม่ติดใจเอาเรื่อง เพราะทราบจากชาวบ้านว่าชายที่ปีนบ้านเป็นคนสติไม่ดี และมีพฤติกรรมชอบเดินขอเงินชาวบ้านที่เข้ามาที่วัดอยู่เป็นประจำ

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองนนทบุรี หลังทราบว่าคู่กรณีเข้ามาตามเรื่องที่แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน พบกับนายหนึ่ง อายุ 19 ปี ชายที่ถูกพระทำร้าย กล่าวว่า ยอมรับว่าปีนเข้าไปในบ้านของชาวบ้านจริงแต่ไม่ได้เข้าไปเอาอะไร โดยหลังถูกจับพระก็พาตนไปลงโทษด้วยการตีหลายครั้ง รวมทั้งมีการเตะเข้าที่ใบหน้า และที่ท้องจนลงไปนอนกับพื้น เมื่อถามว่ามีพยานเห็นเหตุการณ์ไหม นายหนึ่ง บอกว่า ตอนนั้นตนจุกและจำอะไรไม่ได้

ขณะที่ น.ส.สายฝน ผาดี อายุ 36 ปี แม่ของนายหนึ่ง กล่าวว่า พระองค์นั้นไม่มีสิทธิที่จะมาทำแบบนี้กับลูกของเขา ต้องปล่อยให้เจ้าของบ้านเขาเป็นคนจัดการ คนเขามีพ่อมีแม่ ไม่ได้เป็นคนเร่ร่อน ทำแบบนี้ถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ จะเรียกค่าเยียวยารวมทั้งค่าทำขวัญเป็นเงิน 3,000-4,000 บาท

ต่อมาทางพระกิตติศักดิ์ ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองนนทบุรี เข้าพบพนักงานสอบสวน หลังจากพูดคุยกันไม่นาน ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกคู่กรณีเข้าไปเจรจาพูดคุยกัน โดยใช้เวลาไม่นานก็สามารถตกลงกันได้ด้วยดี โดยทางพระกิตติศักดิ์ ยอมชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินสด 1,000 บาท หลังลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยต่างก็พากันเดินทางแยกย้ายทันที.