สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ว่านางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เมื่อวันจันทร์ เรียกร้องเกาหลีเหนือให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของประชาชน บนพื้นฐานของการเคารพด้านสิทธิมนุษยชน และการไม่ครอบครองอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง


อย่างไรก็ตาม นายดมิทรี โพลีอันสกี อัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น กล่าวว่า หากยูเอ็นเอสซีให้ความสำคัญกับชาวเกาหลีเหนือจริง ในบริบทของสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน คณะมนตรีต้องเพิ่มการให้ความสำคัญกับมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งบังคับใช้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเช่นกัน และวิจารณ์การที่ “บางประเทศ” บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่านเดียว ขณะที่นายจาง จุน เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น กล่าวเสริมว่า “กลุ่มประเทศเหล่านั้น” อยู่ใน “ภาวะเสพติด”


แม้ไม่มีการพาดพิงประเทศใดประเทศหนึ่งโดยตรง แต่โธมัส-กรีนฟิลด์ ตอบโต้ผู้แทนการทูตระดับสูงของทั้งรัสเซียและจีน ว่าสหรัฐ “มีความวิตกกังวล” ต่อการที่ “บางประเทศ” กำลัง “ด้อยค่า” มาตรการคว่ำบาตร


ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) กระบอกเสียงของรัฐบาลเปียงยาง รายงานเมื่อวันอังคาร ว่าสภาประชาชนสูงสุด (เอสพีเอ) มีมติร่วมกัน ระหว่างการประชุมระหว่างวันที่ 6-7 ก.พ. ที่ผ่านมา ให้คำมั่นพัฒนาเศรษฐกิจและฟื้นฟูคุณภาพชีวิต ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น “ท่ามกลางอุปสรรคและขวากหนามนานัปการ” จากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการคว่ำบาตร


ปัจจุบัน เกาหลีเหนือยังคงยืนยัน “สถิติโควิดเป็นศูนย์” แต่ปิดพรมแดนอย่างแน่นหนาตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 จนกระทั่งมีรายงานขบวนรถไฟขนส่งสินค้าของเกาหลีเหนือ เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพจีน-เกาหลีเหนือ ซึ่งทอดยาวอยู่เหนือแม่น้ำยาลู่ มุ่งหน้าไปยังเมืองตานตง ในมณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน อย่างน้อย 2 ครั้ง เมื่อกลางเดือนที่แล้ว และต่อมารัฐบาลปักกิ่งยืนยัน “การกลับมาค้าขายข้ามพรมแดน” กับเกาหลีเหนือ.

เครดิตภาพ : REUTERS