จากกรณี ที่มีเพจ “โหดจังจังหวัดภูเก็ต” ได้โพสต์ถึงแท็กซี่ภูเก็ต ร้องเรียนเพจข่าวท้องถิ่น โหดจัง จังหวัดภูเก็ต ว่า ฝรั่งขับรถแท็กซี่ แย่งอาชีพทำมาหาแดก ถ้าเป็นแบบนี้หน่วยไหนช่วยเหลือได้บ้าง อย่าปล่อยให้คนท้องถิ่น คนขับแท็กซี่หาเช้ากินค่ำตายทั้งเป็น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ตำรวจ สภ.ป่าตอง ขนส่งจังหวัดภูเก็ต และตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า จากการที่สื่อออนไลน์ นำเสนอพบมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขับรถรถยนต์บริการทัศนาจร(แท็กซี่ป้ายเขียว) ทะเบียน ณข 3305 ภูเก็ต ทางเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ สภ.ป่าตอง จึงได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบ ทราบชื่อเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว คือ นายธวัช จารีต อายุ 48 ปี จึงได้ทำการติดตามตัวบุคคล  

กระทั่งพบกับนายธวัช อยู่ที่ป่าตองเซ็นเตอร์ ถนนผังเมืองสาย ก. ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อสอบสวนทราบว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. เวลาประมาณ 14.00 น. ขณะที่ นายธวัชอยู่ที่ร้านเช่ารถป่าตองเซ็นเตอร์ ได้มีนายวิลาดิเมียร์ พลาคตี้ อายุ 36 ปี สัญชาติรัสเซีย มาติดต่อขอเช่ารถยนต์ อีซูซุ รุ่นมิวเอ็กซ์ ทะเบียน ณข 3305 ภูเก็ต (ป้ายเขียว) เป็นระยะเวลา 1 วัน (คืนรถวันที่ 15 ก.พ. เวลา 21.00 น.) ตามหนังสือสัญญาเช่ารถ เลขที่ 2410 ของร้านเช่ารถ ร้านโรลลิ่ง สโตน มอเตอร์ไบค์ ฟอร์เร้น

จากนั้นนายวิลาดิเมียร์ พลาคตี้ ได้นำรถเช่าคันดังกล่าวใช้รับครอบครัวของตนเองไปเที่ยวหาดในภูเก็ต กระทั่งได้ถูกกลุ่มบุคคลเข้าใจผิดว่า นายวิลาดิเมียร์ พลาคตี้ ได้ขับรถแท็กซี่รับผู้โดยสาร โดยถูกบันทึกภาพเคลื่อนไหว และนำภาพดังกล่าวสู่สังคมออนไลน์

ต่อมาเมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 15 ก.พ. นายวิลาดิเมียร์ พลาคตี้ ได้ขับรถคันดังกล่าวมาคืนให้แก่นายชายธวัช ตามสัญญาเช่ารถ และทั้งสองคนได้เดินทางมาพบตำรวจและพนักงานสอบสวน ทางพนักงานสอบสวนจึงได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วไม่พบว่า นายวิลาดิเมียร์ มีการใช้รถคันดังกล่าว ประกอบการรับส่งผู้โดยสารแต่อย่างใด เป็นเพียงการใช้รถในการท่องเที่ยวกับครอบครัวเท่านั้น

โดยนายวิลาดิเมียร์  มีใบอนุญาตขับรถตามความตกลงระหว่างประเทศ (ใบขับขี่สากล) การกระทำของนายวิลาดิเมียร์ จึงเป็นความผิดฐาน “ขับรถยนต์บริการธุรกิจ (ทัศนาจร) โดยไม่ได้รับอนุญาต” ในส่วนการกระทำของนายชายธวัช เป็นความผิดฐาน “เป็นเจ้าของรถ ยินยอมให้ผู้ซึ่งมีใบอนุญาตขับรถประเภทอื่นที่ใช้แทนกันไม่ได้เข้าขับรถของตน” ทางพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง จึงได้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เรียบร้อยแล้ว