เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอีเอส) ชี้แจงว่า สถานการณ์การฉ้อโกงหลอกลวงผิดกฎหมายออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศและประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม สั่งกระทรวงดีอีเอส เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตทุกหมู่บ้านทุกชุมชน และปัจจุบันประชาชนมีสมาร์ทโฟนกันกว่า 100 ล้านเครื่อง เข้าถึงอินเทอร์เน็ตกว่าร้อยละ 70 ทำให้มิจฉาชีพใช้ช่องทางนี้หลอกลวงต้มตุ๋นข่มขู่ด้วยกระบวนการต่างๆ มากมาย ยืนยันว่าเราได้ดำเนินคดีไปแล้วกว่า 3-4 พันคดี รวมทั้งประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษในประเทศไทย

นายชัยวุฒิ ชี้แจงว่า ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนนั้น ต้องมีการแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและเร่งนำเข้าสู่สภาฯ พิจารณา เพราะอำนาจของรัฐบาลในการปิดกั้นข้อมูลหรือเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายในระบบออนไลน์ยังทำได้ช้าและไม่เต็มที่ ขณะที่การติดตามเอาเงินประชาชนคืนกลับพบว่าเป็นบัญชีปลอม ที่หลอกจ้างชาวบ้านมาเปิดบัญชีเพื่อโอนเงินเข้ามา หรือเรียกว่า “บัญชีม้า” ทั้งที่ชาวบ้านไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการของคนร้าย จากนั้นเงินก็ถูกโอนไปนอกประเทศทันที ส่วนคริปโตเคอร์เรนซี หรือบางคนเรียกว่า บิตคอยน์ ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่เงินหายไปจากระบบได้อย่างรวดเร็ว เปลี่ยนจากเงินบาทเป็นเงินดิจิทัลและนำออกไปนอกประเทศ จึงทำให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินยากมาก ดังนั้นทำให้การติดตามเงินคืนเป็นเรื่องที่ยากมาก

นายชัยวุฒิ ชี้แจงต่อว่า สุดท้ายเราจะควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ต และการส่งข้อมูลข่าวสารในประเทศให้ปลอดภัยเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงอย่างซิงเกิลเกตเวย์ ถ้าไม่มีสิ่งนี้รัฐบาลก็ไม่สามารถควบคุมได้ หากเป็นระบบเปิดทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการส่งข้อมูลข่าวสาร รวมถึงคนร้ายใช้เป็นช่องทางทำร้ายประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าท้ายที่รัฐบาลกำลังศึกษาอยู่ โดยหลายประเทศก็นำซิงเกิลเกตเวย์มาใช้ เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและสิ่งผิดกฎหมายในประเทศอย่างชัดเจนและเป็นประโยชน์กับประชาชน วันนี้ประชาชนหลายคนเป็นเหยื่ออาชญากรรมเหล่านี้ หวังว่าพวกเราช่วยกันให้ความรู้และเตือนประชาชนในการป้องกันภัยรูปแบบนี้.