สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ว่าการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย รับรองเอกราชและสถาปนาความร่วมมืออย่างเป็นทางการ กับ “สาธารณรัฐโดเนตสก์” และ “สาธารณรัฐลูฮันสก์” จากภูมิภาคดอนบาส ที่อยู่ทางตะวันออกของยูเครน


นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันเตรียมคว่ำบาตรโดยตรงต่อรัสเซียเพิ่มเติม เนื่องจากรัฐบาลมอสโกกระทำการละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน พร้อมทั้งเรียกร้องรัสเซียถอนทหาร “ที่ไม่ใช่กองกำลังรักษาสันติภาพ” ออกจากภูมิภาคแห่งนี้โดยเร็วที่สุด ทิ้งท้ายด้วยการประณามปูติน ว่าละเมิดข้อตกลงมินสก์ และเชื่อว่า รัสเซีย “จะไม่หยุดเท่านี้”


ด้านนายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น กล่าวว่า รัฐบาลมอสโกเปิดกว้างและพร้อมเสมอ สำหรับการคลี่คลายความขัดแย้งนี้โดยสันติวิธี อย่างไรก็ตาม การปล่อยให้เกิด “การนองเลือดครั้งใหม่” ในดอนบาส เป็นสถานการณ์ที่รัสเซียไม่อาจเพิกเฉยได้ พร้อมทั้งเตือนฝ่ายตะวันตก “ทบทวนสถานการณ์ให้ละเอียดถี่ถ้วน”

นายเซอร์เก คริสลิสต์ยา เอกอัครราชทูตยูเครน เข้าร่วมการประชุมวาระพิเศษ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ


ขณะที่นายเซอร์เก คริสลิสต์ยา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหประชาชาติ ยืนยันว่า ลูฮันสก์และโดเนตสก์ ยังคงเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของยูเครน และอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐบาลในกรุงเคียฟ พร้อมทั้งเรียกร้องสหรัฐและพันธมิตรยกระดับมาตรการกดดันรัสเซีย และวิจารณ์คำประกาศของปูติน ว่ามีเนื้อหาแทบไม่ต่างจากเมื่อครั้งรับรองเอกราช สาธารณรัฐเซาท์ออสเซเทีย ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทในจอร์เจีย เมื่อปี 2551

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในรัฐบาลวอชิงตันกล่าวว่า การที่รัสเซียส่งทหารเข้าไปในลูฮันสก์และโดเนตสก์ “ยังไม่เข้าข่าย” ให้สหรัฐต้องยกระดับมาตรการคว่ำบาตร เนื่องจากภูมิภาคทั้งสองแห่ง “อยู่ภายใต้การยึดครอง” ของรัฐบาลมอสโก ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2557.

เครดิตภาพ : REUTERS