จากปฏิบัติการ “ล้างบาปปราบอลัชชี” สางต่อคดี ทุจริตเงินทอนวัดเฟส 4 ลุยค้น จ.นครนายก จ.นนทบุรี และ กทม. จับกุม พระสิทธิวรนายก หรือ “เจ้าคุณแจ๊ค” เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน และ รองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก หลังสืบสวนพบร่วมกับ “นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์” อายุ 64 ปี อดีต ผอ.พศ. ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหา “สมคบและร่วมกันฟอกเงิน” และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทุจริตเงินทอนวัดครั้งแรกที่ยังหลบหนี

โผล่เพิ่มอีก1วัด ‘เจ้าคุณแจ๊ค’ อมเงินทอนวัด จ่อสอบผญบ.-พระผู้ใหญ่

สั่งพักงาน “เจ้าคุณแจ๊ค” จากรองเจ้าคณะจ.นครนายก พศ.ยันยังอยู่วัด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ก.พ. พ.ต.อ.พิทักษ์ วาฤทธิ์ ผกก.2 บก.ปปป. กล่าวว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนบก.ปปป. ได้ทำการออกหมายเรียก พระสิทธิวรนายก หรือ “เจ้าคุณแจ๊ค” รวมถึงเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในพื้นที่ จ.นครนายก ประกอบด้วย วัดสมบูรณ์สามัคคี วัดช้าง วัดท่าซุง วัดหนองโพธิ์ วัดบ้านนุ่ง วัดนาบุญ วัดดงละคร วัดโพธิ์งาม วัดปทุมวงษาวาส วัดธรรมารังสฤษฏ์ วัดบางเตย และเจ้าอาวาสวัดประชาสามัคคี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ มาเข้าพบอีกครั้ง ในวันที่ 1 มี.ค. ที่จะถึงนี้

พ.ต.อ.พิทักษ์ กล่าวว่า ในส่วนของพระสิทธิวรนายกนั้น เป็นการเรียกเข้าพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม อีก 2 คดี เพราะเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ หลังก่อนหน้านี้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วในคดีแรก เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา ส่วน 11 เจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในพื้นที่ จ.นครนายก เป็นการเรียกมาสอบปากคำในฐานะพยาน เพื่อสอบประเด็นต่างๆ ที่ยังคงมีข้อสงสัยให้หายเคลือบแคลงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าวด้วยหรือไม่ ขณะที่เจ้าอาวาสวัดประชาสามัคคี ที่มีการเชิญตัวมาสอบปากคำในฐานะพยานครั้งนี้ด้วยนั้น เนื่องจากพบข้อมูลว่า พระสิทธิวรนายก ได้มีการทุจริตลักษณะเดียวกัน หลังมีการให้เจ้าอาวาสวัดดังกล่าวถอนเงินงบบูรณะซ่อมแซมวัดที่ได้รับจากทางสำนักพระพุทธศาสนา รวม 4 ล้านบาท มามอบให้กับตัวเองที่วัดเขาทุเรียน ก่อนจะถอนกลับคืนไปให้ 9 แสนบาท

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับประเด็นการสอบปากคำกลุ่มเจ้าอาวาส 11 วัดในพื้นที่ จ.นครนายก จะมุ่งเน้นไปที่พฤติการณ์รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนวิธีการทุจริต รวมถึงห้วงเวลา สถานที่นัดรับส่งมอบเงิน และข้อมูลการติดต่อกันระหว่างพระสิทธิวรนายก กับกลุ่มเจ้าอาวาสทั้ง 11 วัด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวยังเตรียมเร่งขยายผลตรวจสอบไปตามพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงต่างๆ เพิ่มเติม เพราะเชื่อว่าพระสิทธิวรนายก น่าจะมีการทุจริตในลักษณะเดียวกันอีกหลายแห่ง หลังแนวทางสืบสวนตรวจสอบพบการกระทำผิดเพิ่มเติมอีก 1 วัด โดยเป็นวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง