จากกรณีคนร้ายขับรถกระบะบุกโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หลังสวน จ.ชุมพร หมายจะข่มขืนครูสาวที่กำลังตั้งครรภ์ 5 เดือน แต่ครูสาวไหวพริบดีรีบส่งไลน์หาเพื่อนครู เข้าช่วยเหลือได้ทันหวุดหวิด ส่วนคนร้ายสามารถหลบหนีไปได้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายสำรวย รวดเร็ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 อ.หลังสวน จ.ชุมพร เล่าว่า หลังจากที่ตนเองได้รับแจ้งจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านว่า มีเหตุคนร้ายพยายามที่จะเข้าไปข่มขืนครูที่โรงเรียน ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีออกไปทางปากน้ำหลังสวน จึงได้รีบมาที่เกิดเหตุและประสานไปยังตำรวจในท้องที่ให้ช่วยสกัดจับคนร้าย หลังจากเกิดเหตุประมาณ 3-4 ชั่วโมง ได้รับแจ้งว่าคนร้ายได้นำรถไปจอดทิ้งไว้ พร้อมกับถอดป้ายทะเบียนออก และเปลี่ยนเสื้อผ้าหลบหนี โดยพบว่าไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่เป็นคนที่มาจากที่อื่น และก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 วันได้พยายามก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว โดยไปเคาะประตูบ้านคนอื่นและหวังจะข่มขืนเช่นเดียวกัน

นายสำรวย กล่าวต่อว่า ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ ทางผู้นำหมู่บ้านรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้พยายามช่วยกันสอดส่องดูแลเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งจากเครือข่ายผู้นำหมู่บ้านใน อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ก่อนหน้านี้คนร้ายได้ขับรถคันก่อเหตุไปเฉี่ยวชนกับรถชาวบ้านและได้หลบหนี ก่อนตกลงว่าจะยอมจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 30,000 บาท จากนั้นเพียง 3 วัน ได้บุกไปที่บ้านหญิงสาวรายหนึ่งใน อ.ไชยา โดยไปเคาะประตูเพื่อหมายจะเข้าไปข่มขืนหญิงสาวภายในห้องแต่ไม่สำเร็จ จนมาก่อเหตุดังกล่าวใน จ.ชุมพร

ตร.เร่งล่าเดนนรกหื่น บุกโรงเรียนหวังขยี้กาม ‘ครูสาว’ ท้อง 5 เดือน

ด้านนายสมพงษ์ เกตุหนองพ้อ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 เล่าว่า ปกติตนเองจะขับรถกลับบ้าน โดยผ่านเส้นทางหน้าโรงเรียนเกือบทุกวัน แต่ในวันที่เกิดเหตุก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ดลจิตดลใจให้ขับรถเข้ามาทางข้างโรงเรียน ซึ่งเป็นถนนเส้นทางลัดที่จะกลับบ้านได้ เมื่อมาถึงบริเวณโรงเรียน ก็เห็นว่าครูผู้ชายกำลังวิ่งลงจากรถและมีเสียงดังโวยวาย และเห็นครูโบว์กำลังวิ่งออกมา จึงได้รีบลงไป และเมื่อลงไปถึงก็ได้ยินครูโบว์ตะโกนว่าช่วยด้วย ส่วนครูผู้ชายก็ได้ตะโกนให้ช่วยจับคนร้าย เมื่อตนเองได้ยินเช่นนั้นก็บอกให้ครูรีบอัดคลิปวิดีโอเพื่อเก็บเป็นหลักฐาน หลังจากนั้นคนร้ายก็พยายามที่จะขับรถไปทางสนามหน้าโรงเรียน ตนเองจึงรีบนำรถไปจอดรถขวางทางออก เพื่อบังคับให้คนร้ายขับรถไปทางพื้นที่ปากน้ำหลังสวน และง่ายต่อการติดตามจับตัว

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งเมื่อคนร้ายพยายามขับรถมาบริเวณทางออกนั้นก็ไม่สามารถออกได้ เพราะตั้งยางรถไว้จึงได้กลับรถและขับไปออกยังทางเข้า และมุ่งหน้าไปยังปากน้ำหลังสวนตามที่ตนเองวางไว้ เมื่อคนร้ายขับรถออกไปตนเองก็ได้ขับรถตามไป เป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร แต่ในระหว่างที่ตนเองจอดรถเพื่อประสานกับตำรวจเป็นระยะเวลาประมาณ 2 นาที รถผู้ก่อเหตุได้คลาดสายตาไป เพราะถนนบริเวณนั้นมีซอกซอยเป็นจำนวนมาก จากเหตุการณ์ดังกล่าวอยากจะบอกว่าหากเจอเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวให้ตั้งสติ และการไปขวางคนร้ายก็ต้องระวัง เพราะไม่รู้ว่าคนร้ายมีอาวุธหรือไม่ หรือถ้าตกใจจนตั้งสติไม่ทัน จะไม่สามารถรู้เบาะแสว่าคนร้ายหลบหนีไปทางไหน

ขณะที่ นายสุกิจ (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี พ่อของครูโบว์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองมีความกังวลเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหากไม่มีใครเข้ามาช่วยจะเกิดอะไรขึ้น จึงอยากให้ทางโรงเรียนมีมาตรการเรื่องความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น อย่าปล่อยให้ครูอยู่โรงเรียนเพียงลำพัง สำหรับในเรื่องคดี ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้โดยเร็ว เพราะขณะนี้ทราบตัวอย่างชัดเจน และลูกสาวตนเองก็จำหน้าคนร้ายได้อย่างแม่นยำ.