เมื่อวันที่ 23 ก.พ. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวหลังจากการรับยื่นหนังสือจากตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อเรียกร้องและขอความช่วยเหลือเนื่องจากราคาข้าวตกต่ำ ว่าพรรค พท. เตรียมทำนโยบายเพื่อชาวนา เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึง โดยนโยบายดังกล่าวจะมีลักษณะและแนวทางคล้ายกับโครงการรับจำนำข้าวที่ทำในสมัยรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย แต่จะไม่ใช่คำว่าจำนำข้าว เพราะเข้าใจว่าเป็นคำที่แสลงใจ ยืนยันว่าเมื่อนโยบายดังกล่าวนำเสนอต่อประชาชน และชาวนาจะเป็นที่ถูกใจและได้รับการตอบรับ
สำหรับรายละเอียดของการทำนโยบายนั้นจะมีการชี้แจงและแจกแจงรายละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียกับส่วนรวม หรือประชาชน ทั้งนี้ตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ระบุให้พรรคการเมืองชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณที่ใช้ทำนโยบาย รวมถึงผลกระทบ ตนมองว่าสามารถชี้แจงได้ในช่วงของการแถลงนโยบายต่อสภาฯ พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำโครงการตามนโยบายที่แถลงต่อสภาฯ ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ด้วยว่า มีหลายโครงการที่รัฐบาลไม่ทำ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลคงถูกร้องจนถึงขั้นยุบพรรค แต่รัฐบาลปัจจุบันไม่ถูกดำเนินการ ถือว่าเป็นวิธีปฏิบัติที่ลักลั่น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นพ.ชลน่าน พร้อมด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย รับหนังสือร้องเรียนจากเกษตรกรชาวพระนครศรีอยุธยา ที่ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยนายฐิติวัฒน์ กลีบมาลัย ตัวแทนเกษตรกรชาวพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สืบเนื่องจากต้นทุนการผลิตทุกชนิดที่เกี่ยวกับการทำนาสูงขึ้นจาก ไร่ละ 6 พันกว่าบาท เป็น 8 พันกว่าบาท แต่การเก็บเกี่ยวผลผลิตยังอยู่ที่ 6 พันกว่าบาท ส่งผลให้เกษตรกรขาดทุน
ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรเคยยื่นเรื่องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว แต่เกรงว่าจะไม่ทันต่อการแก้ปัญหา เพราะข้าวเริ่มออกรวง จึงมายื่นขอความช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ นอกจากนี้โครงการประกันพืชผลทางการเกษตร เราอยากให้แก้ไข แม้ว่ามีเกษตรกรบางส่วนที่อยากได้โครงการนี้ แต่ส่วนใหญ่อยากได้โครงการจำนำข้าวมากกว่า เพราะรายได้ถึงมือพี่น้องชาวนาโดยตรง แต่การประกันราคาต้องใช้หมายเลขโฉนดไปขึ้นทะเบียน ซึ่งชาวนาส่วนใหญ่เป็นลักษณะการเช่าทำ เจ้าของนาจึงไปขึ้นทะเบียนทำให้พี่น้องชาวนาตัวจริงไม่ได้รับประโยชน์ อีกปัญหาที่อยากให้มีการแก้ไข คือ เรื่องเงินเยียวยาพื้นที่รับน้ำ ที่ขณะนี้เพิ่งมีการสำรวจ จึงอยากฝากให้ติดตามเรื่องดังกล่าว
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า โครงการประกันรายได้ผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริงคือเจ้าของที่ นี่คือข้อจำกัดของโครงการนี้ ส่วนเรื่องพื้นที่รับน้ำชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ควรได้รับ 2 ต่อ คือ รัฐควรมีการเช่าพื้นที่ประชาชนเพื่อป้องกันเขตเศรษฐกิจ ถ้ามีพื้นที่รับน้ำต้องเกิดการทำสัญญาระหว่างรัฐกับประชาชน รวมถึงการได้รับการเยียวยาด้วย ตนจะนำเรื่องนี้ส่งให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการศึกษาหามาตรการ เพื่อนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาต่อไป
“เรากำลังนำสิ่งที่ท่านเสนอไปต่อยอด โดยคำนึงถึงสิ่งที่พี่น้องชาวนาจะได้รับมากที่สุด มั่นใจว่าดีกว่าเดิม และเกษตรกรจะถูกใจ พรรคเพื่อไทยกำลังเขียนนโยบายเรื่องนี้อยู่ ไม่แน่ว่าปีหน้าอาจจะได้ใช้ ซึ่งนโยบายด้านการเกษตรถือเป็นไฮไลต์หนึ่งในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยแน่นอน แต่เราจะไม่ใช้ชื่อจำนำข้าว เพราะคำนี้อาจแสลงใจ ส่วนหลักการที่ใช้อาจจะไม่แตกต่าง แต่ถ้อยคำที่ใช้รณรงค์อาจจะตัดคำว่าจำนำข้าวออกไป” นพ.ชลน่าน กล่าว.