สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ว่านายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ทุกประเทศบนโลกรวมถึงจีน “มีพันธกิจร่วม” ในการเรียกร้องประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ให้ผ่อนคลายความรุนแรงต่อวิกฤติการณ์ในยูเครน อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ท้ายที่สุดแล้ว นานาประเทศต้องร่วมกันเรียกร้องไปยังรัฐบาลปักกิ่งอยู่ตลอด เพื่อ “ให้ใช้อิทธิพล” โน้มน้าวรัสเซีย


เกี่ยวกับการที่จีนและรัสเซียสถาปนาการเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบไร้ขีดจำกัด” ระหว่างที่ผู้นำทั้งสองประเทศพบหารือกัน ระหว่างพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาว ที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน เมื่อต้นเดือนนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า “น่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง” รัฐบาลวอชิงตันมองว่า เป็นความพยายามสร้างระเบียบโลกใหม่ ของแนวคิดที่ “ตรงข้ามกับการมีเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตย” ขัดแย้งกับระเบียบและกลไกบนโลก “ซึ่งใช้แบบเดียวกันมานานกว่า 7 ทศวรรษ” หรือนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง


เนื้อหาตอนหนึ่งจากแถลงการณ์ร่วมระหว่างสีกับปูติน หลังการพบหารือครั้งนั้น เกี่ยวกับ “การละทิ้งอุดมการณ์ของสงครามเย็น” กล่าวคือ จีนและรัสเซียร่วมกันเรียกร้องให้องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ยุติการขยายอิทธิพลทางทหารประชิดพรมแดนฝั่งตะวันออก ที่ติดกับภาคตะวันตกของรัสเซีย และวิจารณ์การก่อตั้งกลุ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ล่าสุดคือ “ออคัส” กติกาความร่วมมือด้านความมั่นคงแบบไตรภาคี ระหว่างสหรัฐ กับสหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย


ขณะเดียวกัน ผู้นำทั้งสองประเทศยังกล่าวถึง การเพิ่มพูนความร่วมมือเพื่อต่อต้านการปฏิวัติสี และการแทรกแซง “ของกองกำลังจากภายนอก” ตลอดจนความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ “แบบเกื้อหนุนกัน”.

เครดิตภาพ : REUTERS