เมื่อวันที่ 3 มี.ค. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.บช.น. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้าปิดล้อมตรวจค้น 14 จุด 7 จังหวัด ประกอบไปด้วย กรุงเทพฯ เชียงราย ตาก มหาสารคาม ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี และ นนทบุรี เบื้องต้นควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ในฐานความผิดสมคบ 4 คน ประกอบด้วย นายวรวัฒน์ วังศพ่าห์ จับได้ที่ จ.ประจวบคิรีขันธ์ นายเปี่ยมศักดิ์ บุญญชโลธร จับได้ที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายสุนันท์ สุตินกาศ จับได้ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และนางศิริวรรณ บุญญชโลธร จับได้ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก

จุดที่น่าสนใจ คือการตรวจค้นบ้านเลขที่ 12/60 ซอยจุฬาเกษม 16/3 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายวรวัฒน์ เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น รั้วรอบขอบชิด เบื้องต้นตรวจอายัดรถยนต์ซูบารุ สีดำ ทะเบียน ฉว 67 กรุงเทพมหานคร รถฟอร์ดมัสแตงค์ สีขาว ทะเบียน ญต 67 กรุงเทพมหานคร อาวุธปืน 40-50 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก นาฬิกาหรูหลากหลายยี่ห้อ อาทิ โรเล็กซ์ ปาเต๊ะ พานาราย มูลค่ารวมกว่า 14 ล้านบาท เรือสปีดโบ๊ต 14 ลำ ตรวจยึดได้ที่ประจวบคิรีขันธ์ ทองคำและเงินสด อีกจำนวนมาก

พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 บก.สส.บช.น. จับกุมผู้ต้องหาชาย 2 ราย หลังสืบสวนขยายผลพบว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ทางตำรวจได้จับกุมเมื่อปี 2562 พร้อมยาบ้า 1,043,800 เม็ด และไอซ์ 86 กิโลกรัม เมื่อเดือนมี.ค. ปี 2564 โดยได้ตรวจค้นที่บ้านพักพบโทรศัพท์มือถือภายในมีข้อความสนทนาเกี่ยวกับการติดต่อซื้อขายยาเสพติดและการชำระค่ายาเสพติด โดยการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่อยู่ต่างประเทศ และเมื่อตรวจสอบเชิงลึกพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเงินดังกล่าว โดยการเล่นแร่แปรธาตุเป็นสินค้าน้ำมัน เพื่อฟอกเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด ก่อนส่งกลับไปให้เจ้าของยาเสพติด ซึ่งเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นการซื้อขายน้ำมันส่งออกไปยังประเทศเมียนมา เป็นเงินกว่า 500 ล้านบาท

“นอกจากนี้จากแนวทางการสืบสวน ยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้ทำหน้าที่รับโอนเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดมาฟอกเงินเป็นสินทรัพย์อื่นๆ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับกลุ่มดังกล่าว ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือขณะกระทำความผิด รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อมีให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษและ ข้อหาสมคบเพื่อการฟอกเงิน” พล.ต.ท.สำราญ เผย

ผบช.น. เปิดเผยต่ออีกว่า กรณีดังกล่าวนี้ทางบก.สส.บช.น. ค่อยๆ เกาะติดมาเรื่อยๆ จนถึงปี 64 ขยายผลตามมาตรการสมคบขยายผลต่อ จนขณะนี้ออกหมายจับรวม 7 คน จับกุมในวันนี้ได้ 4 คน อายัดตัวในเรือนจำ 2 คน และ อยู่ระหว่างหลบหนีอีก 1 คน ส่วนทรัพย์สินที่ ป.ป.ส. ยึดประมาณ 130 ล้านบาท ทั้งนี้ในส่วนของอาวุธปืน และรถยนต์ที่ตรวจยึดจะนำส่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบว่าเคยถูกใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่ อย่างไรก็ตามเครือข่ายยาเสพติดนี้ค่อนข้างใหญ่ จึงเร่งให้พิสูจน์ขยายผลการตรวจสอบ เพราะเชื่อว่าได้มาจากการค้าขายยาเสพติด

ขณะเดียวกันมีรายงานว่าขณะตรวจค้นทรัพย์สินในบ้าน ทางชุดสืบสวนพบบริเวณกระจกหน้ารถยนต์ทั้งสองคันมีพบสติกเกอร์เข้า-ออก รัฐสภาติดไว้ระบุสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสองคัน และบัตรคล้องคอที่ระบุสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยตำแหน่งของนายวรวัฒน์คือผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิกวุฒิสภา ของนายทหารคนหนึ่ง ซึ่งกรณีนี้ทางผบช.น. ได้สั่งการให้ตรวจสอบแล้ว  นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่านายวรวัฒน์ เป็นผู้ผ่านการฝึกอบรม เป็นชำนาญการศุลกากรหลักสูตรผู้ชำนาญการศุลกากร รุ่นที่ 17 ด้วย

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ส่วนทรัพย์สินรถยนต์ ฟอร์ด มัสแตง เชลบี จีที 500 ปี 2020 ซึ่งเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ระบุว่าเป็นรถเกรย์มาร์เก็ต หมายถึงรถนำเข้าผิดกฎหมาย ไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากรที่ถูกต้อง อาวุธปืนหลายขนาดจำนวนมาก ตั้งแต่ปืนไรเฟิลและปืนสั้นที่ตกแต่งอุปกรณ์ราคาแพง ตู้เซฟ 4-5 ตู้ นาฬิกาหรูยี่ห้อต่างๆ มูลค่า 14 ล้านบาท ทองคำมูลค่า 10 ล้านบาท อีกทั้งพบธุรกิจของนายวรวัฒน์ นอกจากขายน้ำมันส่งออก ยังพบทำกิจการ เรือยอร์ช เจ๊ตสกี มีอู่เรืออยู่ใน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ นาจอมเทียน จ.ชลบุรี ซึ่งรวมมูลค่าทรัพย์สิน 130 ล้านกว่าบาท โดยวันพรุ่งนี้(4 มี.ค.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. จะแถลงผลการปฎิบัติต่อไป.