เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี นายแพทย์ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นายแพทย์ยรรยง เสถียรภาพงษ์ รอง ผอ.โรงพยาบาลปทุมธานี นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รักษาการแพทย์เชี่ยวชาญ(ด้านเวชกรรมป้องกัน) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นางพรทิพย์ คะนึงบุตร หัวหน้าโรงพยาบาลปทุมธานี ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีการระบุตัวตนผู้ป่วยผิดพลาด ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้า
นายแพทย์ภุชงค์ กล่าวว่า รพ.ปทุมธานี ได้รายงานผลดำเนินการ กรณีระบุตัวผู้ป่วยผิดพลาด ดังนี้ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 65 เวลา 18.14 น. หอผู้ป่วย 1/5 รพ.ปทุมธานี ได้รับผู้ป่วยโควิด 6 รายจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเอกชน (อยู่แถวหมู่บ้านเมืองเอกจังหวัดปทุมธานี) ซึ่งทั้งสองรายเป็นเพศชายทั้งคู่ อายุเท่ากันเป็นผู้ป่วยติดเตียง ให้อาหารทางสายยาง ไม่สามารถสื่อสารได้ และรับเข้าดูแลในห้องผู้ป่วยห้องเดียวกันวันที่ 20 ม.ค. 65 เวลา 04.00 น. ทางหอผู้ป่วยแยกโรค 1/5 ต้องเตรียมรับผู้ป่วยหนักรายอื่นจึงได้ย้ายผู้ป่วย 2 รายนี้ไปหอผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรวม (3/3) และด้วยผู้ป่วยทั้ง 6 รายนี้ มีสภาพอาการใกล้เคียงกัน ย้ายในเวลาใกล้เคียงกัน จึงคาดว่าน่าจะมีการสลับป้ายชื่อผู้ป่วย แต่ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ยังได้รับการรักษาตามอาการของแต่ละคน และหอผู้ป่วยได้มีการสื่อสารกับญาติของผู้ป่วยทั้งสองเป็นระยะทางโทรศัพท์ เนื่องจากไม่สามารถให้ญาติเยี่ยมได้ตามมาตรการเฝ้าระวังโรคโควิดของโรงพยาบาล จนวันที่ 23 ม.ค. 65 เวลา 16.00 น. ผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการทรุดลงและเสียชีวิต รพ.จึงได้ประสานแจ้งญาติให้มารับศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่ญาติไม่สามารถดูใบหน้าได้ เนื่องจากเป็นผู้ป่วยโรคโควิด ต้องบรรจุศพในถุงซิปล็อก 2 ชั้น ซึ่งญาติได้ประกอบพิธีการทางศาสนา และเก็บกระดูกไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนผู้ป่วยอีกรายได้รับการรักษาจนพ้นระยะการแพร่กระจายเชื้อโควิด แต่ยังมีภาวะปอดอักเสบจึงย้ายไปรับการรักษาที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมชาย และแจ้งอาการแก่ญาติเป็นระยะ โดยญาติยังไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าเยี่ยมตามมาตรการโควิด จนกระทั่ง วันที่ 7 มี.ค. 65 เวลา 20.30 น. ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยหอบ ทรุดลง จึงได้ติดต่อให้ญาติมาเยี่ยม ซึ่งเมื่อญาติมาถึงพบว่าผู้ป่วยที่นอนอยู่ไม่ใช่บิดาของตนและยืนยันด้วยบัตรประชาชน จึงคาดว่าบิดาน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเห็นควรสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทางโรงพยาบาลปทุมธานีได้รีบเร่งดำเนินการ ดังนี้ 1. รพ.ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกล้องวงจรปิด ศูนย์ดูแลผู้ป่วย ผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 65 ว่ามีกี่ราย เป็นกลุ่มโรคโควิดกี่ราย เพราะอาจเกิดข้อผิดพลาดเนื่องจากญาติจะไม่เห็นสภาพศพ ประสานตำรวจ ญาติ เข้าร่วมหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา 2.ประสานญาติผู้ซึ่งนำศพผู้เสียชีวิตรายแรกไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อหาแนวทางการแก้ไขข้อมูลในใบมรณะบัตรและเยียวยาค่าจัดการศพประสานหน่วยงานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล จากเวชระเบียนและสารพันธุกรรมจากเถ้ากระดูก 3.รับฟังข้อเสนอจากญาติของทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ป่วย เพื่อนำมาหาแนวทางช่วยเหลือและแก้ไขต่อไปสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี
สาวช็อก!ตามหาพ่อป่วยโควิด รู้อีกทีถูกเผาไปแล้ว รพ.สลับผู้ป่วยผิดคน
นายแพทย์ยรรยง กล่าวว่า ทาง รพ.ปทุมธานี ต้องขอโทษกับญาติผู้เสียชีวิต หลังจากเกิดเหตุขึ้นทางโรงพยาบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่มีไครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ซึ่งการรักษาผู้ป่วยนั้นเรารักษาตามขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งเราจะนำเรื่องนี้ไปแก้ไขโดยเฉพาะเรื่องเอกสาร และเมื่อช่วงเช้าลุงบุญหนา ก็ได้เสียชีวิตลงและทางญาติก็นำศพไปบำเพ็ญกุศลแล้ว ส่วนเรื่องการเยียวยาทางเราก็คุยกับทางญาติไว้แล้วและต้องให้ญาติจัดงานเรื่องศพให้เรียบร้อยก่อน ส่วนญาติของคุณธีระ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าน่าจะเสียชีวิตไปก่อนแล้วนั้น อยู่ในขั้นตอนชันสูตรกระดูกซึ่งทางเราไปรับมาจาก จ.ชลบุรี และนำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งจากพยานแวดล้อมและพยานบุคคลก็น่าจะเชื่อว่าน่าจะเป็นคุณธีระ เมื่อพิสูจน์ได้แน่ชัดแล้วเราก็ต้องพูดคุยเรื่องการเยียวยาและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทางญาติคุณธีระอีกครั้ง
วันเดียวกันที่ รพ.ปทุมธานี นางสาวภาสุรี ศรีปราช อายุ 32 ปี พร้อมด้วยญาติๆ ได้เดินทางมา เพื่อรับศพนายบุญหนา ศรีปราช อายุ 66 ปี ไปบำเพ็ญกุศลหลังจากเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลโทรศัพท์ไปเมื่อเวลา 04.00 น. ว่า คุณพ่อได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งพ่อป่วยเป็นโควิดแต่รักษาหายแล้ว ซึ่งทางแพทย์ลงสาเหตุการเสียชีวิตว่าปอดอักเสบติดเชื้อโควิด ซึ่งจะนำศพพ่อไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบางพระวรวิหาร ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งตอนที่ทาง รพ.โทรศัพท์ไปไม่ได้แจ้งสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งพ่อมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เป็นความดัน และมีอาการปอดอักเสบเนื่องจากติดเชื้อโควิด ซึ่งครั้งแรกที่เรานำร่างคนที่ไม่ใช่พ่อเราไปบำเพ็ญกุศล เราก็ไปติดต่อที่วัดเพราะต้องเผาเลยเนื่องจากเสียชีวิตเพราะติดเชื้อโควิด พอเผาเสร็จก็นำกระดูกไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดใน จ.ชลบุรี ทำบุญ 7 วัน และนำกระดูกไปลอยอังคาร และเมื่อเรามารู้ว่าศพนั้นไม่ใช่พ่อเรา มันก็ช็อกและมีหลายความรู้สึก และก็ดีใจที่พ่อเรายังมีชีวิตอยู่ อีกอย่างหนึ่งเรากำลังใจดีขึ้นซึ่งได้ผ่านมา 1 เดือน แต่เรารู้ได้เพียงวันเดียวพ่อเราก็ทรุดลง และพ่อก็มาเสียชีวิตลง โดยเราต้องมาเสียใจอีก 1 ครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นพ่อของเราแน่นอน แต่ครั้งที่แล้วเราไม่เห็นหน้าพ่อเลยและครั้งนี้เราเห็นหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งครั้งแรกที่คุยกันก่อนที่พ่อยังไม่เสียทาง รพ.บอกว่ายินดีที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เราจัดงานไปในรอบแรก แต่พอมารอบสองทาง รพ.ยังไม่มีการติดต่อเข้ามาเยียวยา ซึ่งเรานำร่างพ่อเรากลับชลบุรีทาง รพ. อาจจะมีความอนุเคราะห์กับเราหารถไปส่ง วันนี้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ซึ่งถ้าเป็นคนที่หาเช้ากินค่ำจะเอาเงินที่ไหนมาจัดงานศพถึงสองครั้ง ตนเองก็อยากถาม รพ.ตรงนี้ว่าจะมีการเยียวยาอย่างไร และก็ออกมาพูดคุยกับตนเองบ้าง
ต่อมาทางด้านตัวแทนของทาง รพ.ปทุมธานี ได้นำพวงหรีดและเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้กับนางสาวภาสุรี ลูกสาวนายบุญหนา ที่เสียชีวิต.