เมื่อวันที่ 9 มี.ค. น.ส.ธัชสุภา วณิชยกุลวงศ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 311/246 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เข้าพบ พ.ต.ต.สุธน จิตตภูมิภักดี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองปทุมธานี หลังเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนไว้ก่อนหน้านี้ ว่า นายธีระ ระงับโจร อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นบิดา ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ที่ รพ.ปทุมธานี แล้วเกิดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามและหาสาเหตุการหายตัวไปว่าเกิดจากสาเหตุใด

น.ส.ธัชสุภา เปิดเผยว่า บิดาตนเองซึ่งป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ได้ไปฝากดูแลไว้ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งหนึ่ง ต่อมาผู้ดูแลได้แจ้งว่าที่ศูนย์มีผู้ป่วยติดโควิดจำนวนมาก จึงส่งคนป่วยรายอื่นพร้อมทั้งพ่อของตนเองมารักษาที่ รพ.ปทุมธานี ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยพยาบาลมีอัพเดทอาการกับญาติผู้ป่วยมาโดยตลอด ต่อมาวันที่ 7 มี.ค. เวลาประมาณ 18.30 น. ทาง รพ.ปทุมธานี โทรฯ มาแจ้งว่าผู้ป่วยอาการไม่ดีให้เข้ามาดูใจเป็นครั้งสุดท้าย ตนเองและญาติจึงเดินทางไปที่ รพ. แต่พบว่าผู้ที่อาการหนักนอนอยู่บนเตียงไม่ใช่พ่อของตน แต่ชื่อที่เตียงกลับระบุว่าเป็นชื่อพ่อ ซึ่งตนเองได้บอกกับทางพยาบาลว่า ผู้ป่วยรายนี้ไม่ใช่พ่อของตนเอง โรงพยาบาลกลับแจ้งว่าเป็นพ่อของตนเอง ตามเอกสารการรักษา หรืออาจจะเป็นเพราะว่าสารอาหารไม่มี ทำให้ใบหน้าเปลี่ยนอาจจะจำไม่ได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ตนเองจะจำพ่อไม่ได้ เพราะนั่นไม่ใช่พ่อเรา

น.ส.ธัชสุภา เปิดเผยต่อว่า จากนั้นจึงไปหาข้อมูลผู้ป่วยที่นอนรักษาอยู่นั้นคือใคร โดยการโทรฯ หาพี่เลี้ยงที่ศูนย์ฯ ซึ่งทางพี่เลี้ยงก็บอกว่าไม่ใช่พ่อของตนเอง สำหรับผู้ป่วยคนดังกล่าวกลับชื่อนายบุญหนา (ขอสงวนนามสกุล) ตนเองตกใจและเช็กไปยัง รพ.ปทุมธานี ได้ข้อมูลว่า นายบุญหนาได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคโควิด-19 ตนเองจึงได้ติดต่อไปยังลูกสาวของนายบุญหนา โดยลูกสาวบอกว่าเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. และเผาไปเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่วัดหงษ์ ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี

“ซึ่งเมื่อวานนี้ ลูกสาวนายบุญหนา ได้เดินทางมา รพ.ปทุมธานี ก็พบว่าเป็นพ่อตนเองจริงๆ ก่อนถามกลับอีกว่า แล้วคนที่ตนเองเผาไปคือใคร ตนเองอยากให้ทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจงให้ชัดเจนเลยว่า ขั้นตอนการรักษาหากมีการสลับชื่อกันจริง จะให้ยาอย่างไร เพราะปกติพ่อตนเองไม่มีโรคประจำตัว แค่ติดโควิด-19 อาการไข้ไม่มี ส่วนอาการของนายบุญหนา คือมีการติดเชื้อที่ปอด ถึงอยากจะรู้ว่ารักษากันแบบไหน จนถึงขณะนี้ที่เตียงของนายบุญหนา ยังใช้ชื่อนายธีระ ระงับโจร ซึ่งเป็นพ่อของตนเองอยู่ และพ่อของตนหายไปไหน” น.ส.ธัชสุภา

ต่อมาคณะแพทย์ของโรงพยาบาลปทุมธานี ได้เชิญ น.ส.ธัชสุภา ไปรับฟังคำชี้แจง โดยมีญาติของนายบุญหนาที่ป่วยโควิดเช่นกันเข้ามารับฟังคำชี้แจงในครั้งนี้ด้วย โดย นพ.ยรรยง เสถียรภาพงษ์ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.ปทุมธานี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค. เวลา 18.14 น. หอผู้ป่วย 1/5 ได้รับผู้ป่วยโควิด 2 ราย คือนายบุญหนา ศรีปราช และนายธีระ ระงับโจร จากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเอกชน เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถสื่อสารได้ ให้อาหารทางสายยางทั้งสองราย รับเข้ามาดูแลในห้องผู้ป่วยห้องเดียวกัน 2 เตียง โดยเตียงเลขที่ 901 คือ นายธีระ และเตียงเลขที่ 902 คือ นายบุญหนา

ต่อมาวันที่ 20 ม.ค. เวลา 04.00 น. ทางหอผู้ป่วยแยกโรค 1/5 ต้องเตรียมรับผู้ป่วยหนักรายอื่น จึงได้เตรียมย้ายผู้ป่วย 2 รายดังกล่าว ไปหอผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรวม (3/3) และด้วยผู้ป่วยทั้ง 2 รายนี้ มีสภาพอาการใกล้เคียงกัน และย้ายในเวลาใกล้เคียงกัน จึงคาดว่าน่าจะมีสลับชื่อผู้ป่วย แต่ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ยังได้รับการรักษาตามอาการของแต่ละคน ระหว่างนั้นหอผู้ป่วยได้สื่อสารกับญาติของผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ทางโทรศัพท์เป็นระยะๆ ตามอาการที่บันทึกในเวชระเบียน เนื่องจากไม่สามารถให้ญาติเข้าเยี่ยมได้ ตามมาตรการเฝ้าระวังโควิด

กระทั่งวันที่ 23 ม.ค. เวลา 16.00 น. ผู้ป่วยหนึ่งในนั้นมีอาการทรุดลงและเสียชีวิต ซึ่งชื่อตามเวชระเบียนและใบมรณบัตรที่ออกคือนายบุญหนา ศรีปราช จึงได้ประสานแจ้งญาติ ซึ่งเป็นบุตรสาวนายบุญหนา มารับศพและได้จัดการศพตามมาตรการโควิด คือบรรจุศพลงในถุงซิปล็อก 2 ชั้น ญาติไม่สามารถเปิดดูสภาพศพและใบหน้าผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งญาติไปดำเนินการตามพิธีการทางศาสนาที่วัดหงษ์ปทุมาวาส จ.ปทุมธานี หลังจากฌาปนกิจ ได้มอบกระดูกไว้ให้ญาติไปเก็บไว้ที่บ้าน จ.ชลบุรี และลอยอังคารที่ อ.สัตหีบ ส่วนหนึ่ง

ส่วนผู้ป่วยอีกรายชื่อตามเวชระเบียนคือนายธีระ ระงับโจร ซึ่งมีอายุ 65 ปี เท่ากัน และสภาพอาการป่วยติดเตียงและสื่อสารไม่ได้ ให้อาหารทางสายยางเช่นกัน มีอาการโควิดดีขึ้น และพ้นระยะแพร่กระจายเชื้อ แต่ยังมีภาวะแทรกซ้อนปอดอักเสบ จึงได้ทำการย้ายไปรักษาต่อที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมชาย เมื่อวันที่ 29 ม.ค. เวลา 10.00 น. และได้มีแจ้งอาการกับญาติเป็นระยะ ๆ โดยญาติไม่ได้รับการอนุญาตเข้าเยี่ยม เนื่องจากมาตรการโควิด

ต่อมาวันที่ 7 มี.ค. เวลา 19.35 น. ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยหอบ ทรุดลง ทางหอผู้ป่วยอายุรกรรมชายจึงติดต่อญาติ และญาติได้เข้ามาเยี่ยมเวลา 20.30 น. แพทย์ซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองของนายธีระ มาเยี่ยมผู้ป่วย และถามว่าผู้ป่วยอยู่เตียงไหน และมาเยี่ยมที่เตียงผู้ป่วยหมายเลข 25/1 ได้คุยอาการกับพยาบาลว่าขอปรึกษาพี่สาวก่อน

เมื่อพี่สาวมาถึงเวลา 21.00 น. พบว่าผู้ป่วยที่นอนอยู่ไม่ใช่บิดาของตน และยืนยันด้วยบัตรประชาชนที่ชัดเจนว่า หน้าคนในบัตรไม่เหมือนกับคนที่นอนอยู่ ซึ่งบัตรประชาชนชื่อนายธีระ ระงับโจร จึงสันนิษฐานว่า นายธีระ ตัวจริงน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ในนามของนายบุญหนา ศรีปราช ซึ่งจะต้องทำการสืบสวนหาข้อเท็จจริงโดยละเอียดต่อไป.